พาณิชย์ เผยไนจีเรียมีแผนขึ้นภาษีนำเข้าข้าว หวังจูงใจให้ต่างชาติเข้าไปลงทุน

นางสาวผ่องพรรณ เจียรวิริยะพันธ์ รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ (คต.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงอาบูจา รายงานว่า รัฐบาลไนจีเรียมีแผนจะขึ้นภาษีนำเข้าข้าวจากต่างประเทศ โดยคาดว่าจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 55

ดังนั้น ผู้ส่งออกข้าวไทยควรติดตามการประกาศเปลี่ยนแปลงอัตราภาษีดังกล่าวจากรัฐสภาแห่งชาติไนจีเรียเพื่อประกาศเป็นระเบียบปฏิบัติต่อไป

ไนจีเรียต้องนำเข้าข้าวจากต่างประเทศ เช่น ประเทศไทย เวียดนาม อินเดีย และปากีสถาน เป็นต้น

สำหรับประเทศไทยส่งออกข้าวไปไนจีเรียในปริมาณที่เพิ่มขึ้นทุกปี ในปี 2553 ไนจีเรียนำเข้าข้าวไทย 1,399,806 ตัน โดยแบ่งเป็น ข้าวนึ่ง ข้าวขาว และข้าวหอมมะลิไทย ในปี 2554 นำเข้าข้าวไทย 1,549,964 ตัน โดยร้อยละ 99 เป็นข้าวนึ่งปริมาณ 1,541,652 ตัน

แต่ในไตรมาสแรกของ ปี 2555 ไนจีเรียนำเข้าข้าวไทย 271,831 ตัน ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันในปี 2554 ที่นำเข้า 288,051 ตัน ลดลงเพียงร้อยละ 5 ในขณะที่ตลาดส่งออกข้าวโดยรวมลดลงร้อยละ 32 ทั้งนี้เนื่องจากผู้นำเข้าเกรงว่าการขึ้นภาษีของรัฐบาลไนจีเรียจะทำให้ต้นทุนสูงขึ้นจึงสั่งข้าวส่วนหนึ่งเป็นสต๊อก

ทั้งนี้ ไนจีเรียผลิตข้าวได้ประมาณปีละ 2.5 ล้านตัน ในขณะที่ความต้องการบริโภคมีถึง 5.0 ล้านตัน จึงจำเป็นต้องนำเข้าเพื่อการบริโภคอีก 2.5 ล้านตัน ด้วยปริมาณผลผลิตข้าวของไนจีเรียยังน้อยกว่าความต้องการบริโภคในประเทศ เนื่องจากชาวไนจีเรียนิยมบริโภคข้าวแทน YAM (มันชนิดหนึ่ง) ซึ่งเป็นอาหารที่ให้พลังงานดั้งเดิมของภูมิภาคนี้ โดยปัจจุบันข้าวและ YAM มีราคาเปรียบเทียบใกล้เคียงกัน อีกทั้งข้าวใช้ประกอบอาหารได้ง่ายกว่า และรายได้ของชาวไนจีเรียเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ความต้องการบริโภค ข้าวยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและส่วนใหญ่นิยมบริโภคข้าวนึ่ง

ไนจีเรียตั้งเป้าหมายผลิตข้าวให้เพียงพอกับความต้องการในประเทศ โดยให้การสนับสนุนปัจจัยการผลิต ในส่วนของปุ๋ยสำหรับข้าว การพัฒนาชลประทานและ การไม่เก็บภาษีนำเข้าอุปกรณ์ เครื่องจักรในการปลูกและสีข้าว รัฐบาลได้ตั้งเป้าหมายในการปลูกและผลิตข้าวให้เพียงพอต่อความต้องการภายในประเทศ เพื่อเป็น Food Reserve and Security โดยตั้งเป้าไว้ที่ 5.0 ล้านตันภายในในปี 2558 และมีแผนขึ้นภาษีนำเข้าข้าวเพื่อจูงใจให้ต่างประเทศเข้าไปลงทุนปลูกข้าวและแปรรูปในประเทศ