ศูนย์วิจัยกสิกรฯ คาดกนง.ยังคงดอกเบี้ยนโยบาย หลังความเสี่ยงศก.เพิ่มขึ้น

ข่าวเศรษฐกิจ Friday June 8, 2012 17:48 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ในการประชุมรอบที่สี่ของปีในวันที่ 13 มิ.ย. คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) น่าจะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 3.00% ต่อเนื่อง เพื่อดูแลเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ท่ามกลางความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นทั้งภายในและภายนอกประเทศ จากความกังวลต่อภาวะค่าครองชีพสถานการณ์ทางการเมืองที่อาจจะส่งผลให้การใช้จ่ายภายในประเทศขยายตัวน้อยกว่าคาด ตลอดจนการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก อันเป็นผลจากความไม่แน่นอนของการแก้ปัญหาหนี้ยุโรป

ก่อนหน้านี้ กนง.ได้มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ในการประชุมครั้งแรกของปี 55 ตามมาด้วยการคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุม 2 รอบที่ผ่านมา เพื่อดูแลความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจซึ่งได้รับผลกระทบจากปัญหาอุทกภัยในประเทศและความกังวลต่อการชะลอตัวเศรษฐกิจหลักในโลกอันเป็นผลจากปัญหาหนี้ในยุโรป

อย่างไรก็ตาม คาดว่า กนง.คงจะติดตามพัฒนาการทางเศรษฐกิจโดยเฉพาะสถานการณ์ในยูโรโซน และการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจหลักทั้งสหรัฐฯ และจีน รวมไปถึงประเด็นการเมืองในประเทศที่อาจจะส่งผลต่อการเบิกจ่ายของภาครัฐ ขณะที่ความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อในระยะสั้นที่ผ่อนคลายลง คงทำให้ กนง.ยังพอมีช่องว่างในการดำเนินนโยบายการเงินเพื่อดูแลความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ

อย่างไรก็ดี ในช่วงครึ่งปีหลัง ความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อยังคงมีอยู่และมีโอกาสที่จะปรากฏชัดเจนขึ้น เมื่อมาตรการลดค่าครองชีพต่างๆ ทยอยสิ้นสุด อีกทั้งความเสี่ยงที่ราคาน้ำมันโลกมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นอีก อันอาจสร้างความท้าทายให้กับการดำเนินนโยบายของทางการเมื่อเข้าสู่ช่วงปลายปี

สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลการเลือกตั้งรอบที่สองของกรีซในวันที่ 17 มิ.ย. ที่จะเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดชะตากรรมของกรีซในการอยู่ในยูโรโซน ตลอดจนการแก้ปัญหาภาคธนาคารของสเปน อันอาจจะก่อให้เกิดความผันผวนในตลาดเงินและตลาดทุนเป็นวงกว้างได้ นอกจากนี้ ยังต้องติดตามแนวทางในการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) โดยเฉพาะประเด็นเกี่ยวกับการดำเนินนโยบายผ่อนคลายเพิ่มเติม (QE3) รวมไปถึงมุมมองต่อมาตรการการซื้อตราสารเพื่อกดอัตราดอกเบี้ยระยะยาวภายใต้โครงการ The Maturity Extension Program (Operation Twists) ที่จะสิ้นสุดในเดือนมิถุนายน 2555 อันเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อทิศทางการปรับตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ และส่งผลไปยังตลาดพันธบัตรทั่วโลก ตลอดจนประเด็นด้านการคลังหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทั้งมาตรการทางภาษีและการตัดลดงบประมาณโดยอัตโนมัติ

ด้านแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในตลาดเงินและอัตราดอกเบี้ยธนาคารพาณิชย์ไทยนั้น คาดว่าในภาพรวมอัตราดอกเบี้ยคงมีระดับที่ค่อนข้างทรงตัว แม้ธนาคารพาณิชย์แต่ละแห่งอาจมีการปรับอัตราดอกเบี้ยรายผลิตภัณฑ์บ้างเพื่อให้สอดรับกับกลยุทธ์การบริหารจัดการสภาพคล่องและรักษาความสามารถทางการแข่งขัน ขณะเดียวกัน ธนาคารพาณิชย์น่าจะยังคงมีการนำเสนอผลิตภัณฑ์การออมที่น่าสนใจอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับการขยายสินเชื่อที่ประเมินว่ายังมีแนวโน้มเติบโตในเกณฑ์ที่ดี รวมถึงเพื่อรักษาฐานลูกค้าและส่วนแบ่งตลาดภายใต้สภาวะการแข่งขันที่ยังคงเข้มข้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ