สกุลเงินยูโรดีดตัวขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (13 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงเข้าซื้อสกุลเงินยูโรก่อนที่การเลือกตั้งของกรีซจะเริ่มต้นขึ้นในวันอาทิตย์นี้ อย่างไรก็ตาม ค่าเงินยูโรปรับตัวขึ้นเพียงเล็กน้อย เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้นของเยอรมนีและอิตาลี
ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้น 0.35% แตะที่ 1.2556 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.2512 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ร่วงลง 0.43% แตะที่ 1.5508 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5575 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐขยับลง 0.09% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 79.450 เยน จากระดับ 79.520 เยน และร่วงลง 0.39% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9561 ฟรังค์ จากระดับ 0.9598 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 0.32% แตะที่ 0.9932 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9964 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ร่วงลง 0.55% แตะที่ 0.7732 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7775 ดอลลาร์สหรัฐ
สกุลเงินยูโรดีดตัวขึ้นก่อนที่การเลือกตั้งกรีซจะมีขึ้นในวันอาทิตย์นี้ อย่างไรก็ตาม ค่าเงินยูโรปรับตัวขึ้นเพียงเล็กน้อย เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้นของเยอรมนีและอิตาลี
เยอรมนีขายพันธบัตรอายุ 10 ปีได้ 4.04 พันล้านยูโร หรือ 5.08 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อวานนี้ โดยมีอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ 1.52% เพิ่มขึ้นจากการประมูลเมื่อวันที่ 16 พ.ค.ที่ระดับ 1.47% ขณะที่อิตาลีสามารถขายพันธบัตรได้ 6.5 พันล้านยูโร มีอัตราผลตอบแทน 3.972% เพิ่มขึ้นจากการประมูลครั้งก่อนที่ระดับ 2.34%
สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงหลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ยอดค้าปลีกของสหรัฐปรับตัวลดลง 0.2% ในเดือนพ.ค. สู่ระดับ 4.046 แสนล้านดอลลาร์ และปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 2 ปีที่ยอดค้าปลีกหดตัวติดต่อกัน
ขณะเดียวกันสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจของสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนเม.ย. สู่ระดับ 1.575 ล้านล้านดอลลาร์ และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐ ปรับตัวลดลง 1.0% ในเดือนพ.ค.เมื่อเทียบกับเดือนก่อน ซึ่งร่วงลงหนักสุดในรอบเกือบ 3 ปี โดยสาเหตุหลักเป็นเพราะราคาพลังงานที่ลดลงถึง 4.3%