องค์การเพื่อความร่วมมือและพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของประเทศในกลุ่ม G-20 ขยายตัว 0.8% ในไตรมาสแรกของปี 2555 สูงกว่าการขยายตัวในไตรมาสก่อนอยู่ 0.1%
รายงานล่าสุดของ OECD ระบุว่า อัตราขยายตัวในประเทศกลุ่ม G-20 ส่วนใหญ่ชะลอลงหรือทรงตัว ยกเว้นในออสเตรเลีย เยอรมนี ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และเม็กซิโกซึ่งการขยายตัวเพิ่มขึ้นในไตรมาสแรกของปีนี้
ส่วนประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่มีอัตราการขยายตัวชะลอลงในภาพรวม โดยจีนมีอัตราขยายตัวชะลอลงติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 2 แตะที่ 1.8% ขณะที่อินเดีย อินโดนีเซีย และแอฟริกาใต้มีอัตราขยายตัวชะลอลงเช่นกัน สำหรับอัตราการขยายตัวบราซิลทรงตัวระดับเดิมที่ 0.2%
รายงานระบุด้วยว่า จีดีพีของอิตาลีและอังกฤษยังคงหดตัวลงติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 3 ขณะที่อัตราการขยายตัวของจีดีพีฝรั่งเศสอยู่ที่ 0% ในไตรมาสแรกปีนี้ ภายหลังการขยายตัว 0.1% ในไตรมาสก่อนหน้า
ในเดือนพ.ค. OECD เปิดเผยรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจ ซึ่งเตือนว่าวิกฤติหนี้สาธารณะของยุโรปยังคงเป็นความเสี่ยงเชิงลบที่มีความรุนแรงมากที่สุดต่อแนวโน้มเศรษฐกิจโลก และสถานการณ์ในช่วงขาลงอาจเกิดขึ้นจริงและลุกลามออกนอกยูโรโซน พร้อมกับที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกอย่างรุนแรงมาก
OECD คาดว่า การขยายตัวของดัชนีจีดีพีที่แท้จริงในยูโรโซนจะลดลง 0.1% ในปี 2555
สำหรับการประชุมสุดยอดของกลุ่มประเทศ G-20 ครั้งที่ 7 จะจัดขึ้นในวันที่ 18-19 มิ.ย. ที่เมืองลอส คาบอสของเม็กซิโก โดยในการประชุมครั้งนี้ ผู้นำประเทศในกลุ่ม G-20 จะหารือกันเกี่ยวกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจโลกและประเด็นต่างๆ ตั้งแต่ด้านการพัฒนา การค้า การจ้างงาน ไปจนถึงแนวทางในการเสริมความแข็งแกร่งแก่ระบบการเงินระหว่างประเทศ สำนักข่าวซินหัวรายงาน