จาการ์ตา โกล๊บ รายงานวันนี้ว่า น้ำมันดิบสำรองของอินโดนีเซียดิ่งลงอย่างต่อเนื่องในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา โดยมีอัตราการลดลงเร็วที่สุดในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน และยังไม่สามารถผลิตเพิ่มได้ทันอุปสงค์ที่ขยายตัวขึ้น
บีพี บริษัทน้ำมันรายใหญ่ของอังกฤษ เปิดเผยในรายงานประจำปีว่า ปริมาณน้ำมันดิบสำรองของอินโดนีเซียลดลง 1.9 พันล้านบาร์เรล นับตั้งแต่ปี 2534 ซึ่งมีอัตราการลดลงเร็วกว่าประเทศอื่นๆในภูมิภาคเอเชีย
ทั้งนี้ รายงานดังกล่าวมีชื่อว่า“สตาทิสติคอล รีวิว ออฟ เวิลด์ เอนเนอร์จี" และได้ออกเผยแพร่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
อินโดนีเซีย ซึ่งเป็นอดีตสมาชิกโอเปค มีปริมาณน้ำมันสำรอง 4 พันล้านบาร์เรลเมื่อปีที่ผ่านมา ซึ่งลดลงจากระดับ 5.9 พันล้านบาร์เรล ในปี 2534 ขณะที่น้ำมันสำรองของจีนและอินเดียลดลง 800 ล้านบาร์เรลและ 400 ล้านบาร์เรล ในช่วงเวลาเดียวกัน ตามลำดับ ทั้งที่ยอดการใช้น้ำมันของทั้งสองประเทศมีปริมาณสูงกว่าของอินโดนีเซียมาก
นอกจากนี้ รายงานของบีพีในปีที่ผ่านมาระบุว่า น้ำมันสำรองของอินโดนีเซียอยู่ที่ 4.2 พันล้านบาร์เรลในปี 2553 ลดลงจาก 5.4 พันล้านบาร์เรลในปี 2533
นางอลิซาเบธ เพราสท์ ประธานสมาคมปิโตรเลียมแห่งอินโดนีเซีย เรียกร้องให้มีการเพิ่มมาตรการจูงใจในขั้นตอนการสำรวจน้ำมัน เนื่องจากบริษัทน้ำมันต่างๆจะต้องเดินทางออกไปสำรวจน้ำมันในดินแดนใหม่ๆ ซึ่งแหล่งน้ำมันจะอยู่ห่างจากชายฝั่งที่ทั้งลึกลงไปในท้องทะเลและยังต้องเสี่ยงมากขึ้น
จากรายงานฉบับดังกล่าว เม็กซิโกเป็นประเทศที่มีอัตราน้ำมันสำรองลดลงรวดเร็วที่สุดในโลก โดยร่วงลงสู่ระดับ 1.14 หมื่นล้านบาร์เรลเมื่อปีที่ผ่านมา จากระดับ 5.09 หมื่นล้านบาร์เรลในปี 2534 อย่างไรก็ดี ในช่วงเดียวกันน้ำมันสำรองของเวเนซูเอลากลับทะยานขึ้นแตะ 2.965 แสนล้านบาร์เรล จาก 6.26 หมื่นล้านบาร์เรล แซงหน้าซาอุดิอาระเบีย ซึ่งเป็นคลังน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดในโลก