นายอัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงการส่งออกสินค้าไทยในปี 55 ว่า จะได้รับผลกระทบจากปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรป โดยมูลค่าการส่งออกอาจอัตราขยายตัวเพียง 7-8% จากปีก่อนเท่านั้น ต่ำกว่าเป้าหมายที่กระทรวงพาณิชย์ตั้งไว้ที่ขยายตัว 15% มูลค่า 263,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพราะการส่งออกไปตลาดยุโรปจะเสียหาย 100,000-150,000 ล้านบาทจากการชะลอนำเข้าสินค้าไทยของประเทศที่ประสพปัญหาหนี้สาธารณะอย่างหนัก ทั้งกรีซ โปรตุเกส ไอร์แลนด์ สเปน และอิตาลี
"หากไทยสามารถหาตลาดใหม่มาชดเชยมูลค่าการส่งออกที่หายไปได้ อาจทำให้ตัวเลขการส่งออกปีนี้ขยายตัวเพิ่มขึ้นในระดับ 10-12% แต่ก็ยังต่ำกว่าเป้าหมายที่ 15% เพราะแม้จะหาตลาดใหม่ได้ แต่ตลาดทางเลือกของไทย เช่น จีน อินเดีย ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน เพราะเมีสัดส่วนการส่งออกสินค้าไปตลาดยุโรปมาก นอกจากนี้ ผู้ประกอบการจำเป็นต้องแข่งขันด้านราคาสินค้า เพราะหลายประเทศก็ให้ความสนใจตลาดใหม่ชดเชยตลาดยุโรปเช่นกัน ทำให้มีการแข่งขันด้านราคาสูง" นายอัทธ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม แม้การเลือกตั้งของกรีซจะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ทำให้โอกาสที่กรีซจะต้องออกจากลุ่มยูโรโซนลดลง แต่ปัญหาหนี้สาธารณะก็ยังไม่คลี่คลาย ขณะที่สเปนและอิตาลีก็ถูกลดเครดิต ทำให้คาดว่าการแก้ไขปัญหาหนี้สาธารณะของยุโรปอาจต้องใช้เวลานานราว 3-5 ปี
ด้านนางเสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า วิกฤตเศรษฐกิจยูโรโซนอาจมาถึงทางตัน เพราะไม่สามารถใช้เครื่องมือทางการเงินและการคลังในการแก้ปัญหาวิกฤตได้ในขณะนี้ เนื่องจากภาระหนี้สินมีจำนวนมาก การลดค่าเงินก็ไม่สามารถทำได้ เพราะเป็นเงินสกุลยูโรที่ใช้ทั้งยูโรโซน จึงรอเพียงความช่วยเหลือทางการเงินจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และมิตรประเทศที่จะช่วยเหลือเท่านั้น และหากยูโรโซนล่มสลาย จะทำให้เศรษฐกิจโลกตกต่ำได้