สกุลเงินยูโรพุ่งขึ้นแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (19 มิ.ย.) หลังจากมีรายงานว่ากรีซใกล้จะจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ นอกจากนี้ การพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นนิวยอร์กยังเป็นอีกปัจจัยที่กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยง รวมถึงสกุลเงินยูโร
ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้น 0.87% แตะที่ 1.2685 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.2575 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์พุ่งขึ้น 0.38% แตะที่ 1.5728 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5668 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลง 0.23% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 78.920 เยน จากระดับ 79.100 เยน และร่วงลง 0.88% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9463 ฟรังค์ จากระดับ 0.9547 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 0.68% แตะที่ 1.0189 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0120 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 0.77% แตะที่ 0.7979 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7918 ดอลลาร์สหรัฐ
สกุลเงินยูโรดีดตัวขึ้นเพราะได้แรงหนุนจากกรีซใกล้จะจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่และพร้อมที่จะเจรจาเงื่อนไขกับรับเงินช่วยเหลือมูลค่า 1.30 แสนล้านยูโร รวมทั้งข่าวที่ว่าสเปนระดมทุนจากการประมูลขายตั๋วเงินคลังอายุ 12 และ 18 เดือนได้ 3.04 พันล้านยูโรในช่วงเย็นวานนี้ตามเวลาไทย ซึ่งใกล้เคียงกับเป้าหมายสูงสุดที่วางไว้ ขณะที่อัตราผลตอบแทนเฉลี่ยพุ่งทะยานขึ้น
ทั้งนี้ สเปนขายตั๋วเงินคลังอายุ 12 เดือนได้ 2.4 พันล้านยูโร ที่อัตราผลตอบแทน 5.074% ทะยานขึ้นจาก 2.985% ในการประมูลครั้งก่อน ขณะที่ความต้องการซื้อสูงกว่าจำนวนที่นำออกประมูลอยู่ 2.2 เท่า เทียบกับ 1.8 เท่าในเดือนที่แล้ว
ส่วนตั๋วเงินคลังอายุ 18 เดือน สามารถระดมทุนได้ 639 ล้านยูโร โดยให้อัตราผลตอบแทน 5.107% เทียบกับ 3.302% ในการประมูลครั้งก่อนในเดือนพ.ค. ขณะที่ความต้องการซื้อสูงกว่ายอดเปิดประมูลอยู่ 4.4 เท่า เพิ่มขึ้นจาก 3.2 เท่า
สกุลเงินยูโรได้แรงหนุนมากขึ้นจากข่าวที่ว่า เยอรมนีเตรียมยุติการขัดขวางมาตรการซื้อตราสารหนี้ของประเทศยุโรปที่ประสบปัญหา โดยเงินที่จะใช้ซื้อตราสารหนี้นั้นจะมาจากกองทุนกลไกลรักษาเสถียรภาพยุโรป (ESM) มูลค่า 5 แสนล้านยูโร และกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป มูลค่า 2.50 แสนล้านยูโร (EFSF)
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนแรงลงหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านลดลง 4.8% แตะที่ 708,000 ยูนิตในเดือนพ.ค. ต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าจะอยู่ที่ 720,000 ยูนิต อย่างไรก็ตาม ตัวเลขการอนุญาตก่อสร้างบ้านใหม่พุ่งขึ้น 7.9% แตะที่ 780,000 ยูนิตใน เดือนพ.ค. สูงกว่าที่คาดไว้ที่ 728,000 ยูนิต