นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง มั่นใจว่า การส่งออกไทยปีนี้จะขยายตัวได้ตามเป้า 15% แม้ในช่วงครึ่งปีแรกการส่งออกจะขยายตัวได้ไม่ดีมาก ซึ่งเป็นผลมาจากภาคการผลิตยังกลับมาได้ไม่เต็มที่ ในขณะที่กำลังซื้อยังมีอยู่ ขณะเดียวกันในไตรมาส 4/54 ที่เกิดภาวะน้ำท่วม ตัวเลขส่งออกยังเติบโตเกิน 15%
"ปีนี้ไม่น่าจะมีอะไร ก็น่าจะทำได้ตามเป้าที่ 15% ถือเป็นการมองโลกในแง่ดี การตั้งเป้าไว้ต่ำทำได้ไม่ยาก"นายกิตติรัตน์ กล่าว
รองนายกรัฐมตรีและรมว.คลัง กล่าวว่า ได้มีการเตรียมความพร้อมจัดตั้งกองทุนพยุงหุ้น ซึ่งได้มีการหารือกับนักลงทุนสถาบันไว้พร้อมแล้ว เพื่อรองรับหากวิกฤตยุโรปส่งผลกระทบรุนแรงก็สามารถจัดตั้งกองทุนได้ภายในเวลาไม่กี่วัน จากก่อนหน้านี้ที่ใช้เวลาจัดตั้งกองทุนนาน ซึ่งเป็นช่วงที่เกิดความเสียหายแล้วจึงมีการจัดตั้งกองทุน
อย่างไรก็ตาม ยังมั่นใจพื้นฐานเศรษฐกิจไทยยังมีความเข้มแข็งสามารถรองรับวิกฤตจากยุโรปได้ แต่การจัดตั้งกองทุนพยุงหุ้นถือเป็นการเตรียมความพร้อม
"เมื่อตอนปี 45-46 ก็ได้มีการจัดตั้งกองทุนพยุงหุ้น วงเงิน 1 หมื่นล้านบาท และมีผลตอบรับที่ดี ทั้งในแง่เสถียรภาพ และนักลงทุนสถาบันก็มีกำไร"นายกิตติรัตน์ กล่าว
นอกจากนี้ นายกิตติรัตน์ กล่าวยืนยันว่า กระทรวงการคลังยังไม่มีนโยบายปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลที่กำหนดจะสิ้นสุดมาตรการภายในสิ้นเดือนนี้ ทั้งนี้เพื่อไม่ให้กระทบกับประชาชน ดังนั้น จึงไม่ใช่ปัจจัยที่น่ากังวล ประกอบกับ รัฐบาลสามารถจัดเก็บรายได้ภาษีเกินเป้าหมาย อย่างไรก็ตาม หากมีการปรับขึ้นภาษีน้ำมันดีเซล คงต้องให้กองทุนน้ำม้น และกรมสรรพสามิตได้หารือร่วมกันว่าหน่วยงานใดจะดำเนินการ เพราะหากใช้วิธีการส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมัน รัฐบาลก็จะไม่มีการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล