(เพิ่มเติม) "อมตะ บี.กริมฯ" คาดปี 56 ขยายโรงไฟฟ้าเป็น 16 โรง กำลังผลิตรวม 2 พัน MW

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday June 20, 2012 15:55 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางปรียนาถ สุนทรวาทะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อมตะ บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด กล่าวว่า บริษัทมีแผนขยายกิจการโรงผลิตไฟฟ้า ในฐานะผู้ผลิตไฟฟ้ารายย่อย (SPP) เพิ่มขึ้นเป็น 16 โรง ใน 6 นิคมอุตสาหกรรมให้แล้วเสร็จภายในปี 2562 โดยทั้ง 16 โรง จะมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมกันประมาณ 2,000 เมกะวัตต์ ซึ่งจะสามารถผลิตไฟฟ้าเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของโรงงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ จำนวนมากกว่า 800 ราย

ปัจจุบัน อมตะ บี.กริม เพาเวอร์ มีโรงผลิตไฟฟ้าที่เปิดดำเนินการอยู่ทั้งสิ้นจำนวน 3 โรง แบ่งเป็นจำนวน 2 โรงตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร จังหวัดชลบุรี และอีก 1 โรงตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้เบียนโฮ ประเทศเวียดนาม กำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 363 เมกะวัตต์ สำหรับจำหน่ายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และจำหน่ายไฟฟ้าและไอน้ำให้แก่ลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมต่าง ๆ มากกว่า 200 ราย เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์, ไอที ระบบการคมนาคมขนส่ง และอยู่กำลังก่อสร้างโรงไฟฟ้าอยู่อีก 3 โรง และตั้งเป้าว่าจะสร้างโรงไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอีกจำนวน 10 โรง รวมกับโรงไฟฟ้าที่เปิดดำเนินการอยู่จะเป็นจำนวนทั้งสิ้น 16 โรง

เนื่องจากเศรษฐกิจของไทยเติบโตขึ้น ทำให้ความต้องการใช้ไฟฟ้าของประเทศเพิ่มขึ้นตามไปด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคอุตสาหกรรม โดยในปีนี้ ความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 26,355 เมกะวัตต์ เพิ่มขึ้น 7.27% จากปี 2554 และคาดการณ์ว่าในปี 2556 ความต้องการใช้ไฟฟ้าจะเพิ่มสูงขึ้นถึง 27,443 เมกะวัตต์ หรือเพิ่มขึ้น 4.13% จากปัจจุบัน

นางปรียนาถ กล่าวว่า กระบวนการผลิตไฟฟ้าของอมตะ บี.กริม เพาเวอร์ ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงในการผลิต ซึ่งระบบ Co-Generation Combined Cycle จะช่วยในเรื่องของการใช้ก๊าซธรรมชาติให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมทั้งยังได้ผลผลิตไอน้ำที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในโรงงานอุตสาหกรรมอื่นๆต่อไปได้ ทำให้เกิดการใช้พลังงานที่คุ้มค่า

บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาแผนการเพิ่มทุนจดทะเบียนบริษัท จากปัจจุบันมีทุนจดทะเบียนอยู่ที่ 1,000 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทฯ มีโครงการโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง ระบบ Co-Generation Combined Cy cle ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง 3 โรง และมีโครงการที่จะก่อสร้างโรงไฟฟ้าเพิ่มเติมอีก 10 โรงในอนาคต ซึ่งทั้ง 13 โรงใช้เงินลงทุนประมาณ 70,000 ล้านบาท ซึ่งในแต่ละโครงการจะมีการกู้เงินแบบ Project finance โดยจะเป็นการกู้เงินประมาณ 75% และมีการลงทุนในสัดส่วนทุนประมาณ 25%

อย่างไรก็ตาม จำนวนเงินในการเพิ่มทุนนั้น หากคำนวณในเบื้องต้นอาจจะต้องมีสัดส่วนของการเพิ่มทุน ประมาณ 1 ใน 4 ของจำนวนเงินที่ใช้ในโครงการลงทุนทั้งหมด โดยกำลังศึกษาการเพิ่มทุนในหลายทางเลือก คือ การกระจายหุ้นเข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ IPO หรือการมองหาพันธมิตรร่วมทุนรายใหม่ที่เป็น Financial Investor หรือ อาจจะให้ผู้ถือหุ้นรายเดิมเพิ่มทุน โดยคาดว่าการเพิ่มทุนจะดำเนินการได้แล้วเสร็จภายในปลายปีนี้ หรือต้นปีหน้า โดยมีธนาคารกสิกรไทย และที่ปรึกษาอิสระ เป็นที่ปรึกษาทางการเงินในการเพิ่มทุน

นอกจากการเพิ่มทุนแล้ว บริษัทฯ ยังต้องมีการจัดหาเงินทุนด้วยวิธีอื่นๆ เพิ่มเติม เพื่อมาสมทบการลงทุนโครงการในอนาคต โดยอาจจะออกขายพันธบัตร หรือหุ้นกู้บริษัท หรือจัดตั้งกองทุนสาธารณูปโภค หรือ Infrastructure Fund โดยบริษัทฯ ยังสนใจที่จะขยายการลงทุนไปในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน เช่น พลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาความเหมาะสมของโครงการลงทุน

นางปรียนาถ กล่าวต่อไปว่า บริษัทฯ ไม่สนใจเข้าประมูลโครงการผู้ผลิตไฟฟ้าภาคเอกชนรายใหญ่(IPP)รอบใหม่ เนื่องจากบริษัทไม่มีความถนัดในด้านโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ แต่สนใจจะลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก (SPP)ที่ทางการจะเปิดรับซื้อไฟฟ้าจาก SPP เพิ่มอีกประมาณ 1,350 เมกะวัตต์ ซึ่งจากการคำนวณคร่าวๆ คาดว่าจะมีโรงไฟฟ้าที่จะขายไฟฟ้าเข้าระบบได้ประมาณ 15 โครงการ ซึ่งบริษัทฯ ก็จะศึกษาความเหมาะสมในการลงทุนต่อไป โดย SPP รอบใหม่นี้จะขายไฟฟ้าเข้าระบบในช่วงปี 73 เป็นต้นไป

ปัจจุบัน บริษัท อมตะ บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด มีผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นกลุ่ม บี.กริม 56.23% กลุ่มซูมิโตโม่ จากญี่ปุ่น 30% และบมจ. อมตะ คอร์ปอเรชั่น (AMATA) 13.77%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ