นายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ออกมาส่งสัญญาณว่าเฟดอาจจะใช้มาตรการกระตุ้นเพิ่มเติม หากเศรษฐกิจยังไม่มีความแข็งแกร่งมากพอที่จะสร้างงานสำหรับชาวอเมริกันที่กำลังตกงานจำนวน 12.7 ล้านคน
นายเบอร์นันเก้กล่าวในงานแถลงข่าวที่วอชิงตันว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) จะให้ความสำคัญกับแนวโน้มการจ้างงานเป็นอันดับแรกในการตัดสินใจประเด็นการใช้มาตรการผ่อนคลายเพิ่มเติม และอาจจำเป็นต้องดำเนินการมากขึ้นหากตลาดแรงงานยังไม่ปรับตัวดีขึ้นอย่างยั่งยืน หลังกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยเมื่อต้นเดือนนี้ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 69,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค.และอัตราว่างงานปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 8.2% จากระดับ 8.1% ในเดือนเม.ย.
"เฟดอาจพิจารณามาตรการซื้อสินทรัพย์สินเพิ่มเติม ร่วมกับมาตรการอื่นๆอย่างแน่นอนหากต้องใช้มาตรการเสริมเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับเศรษฐกิจ" นายเบอร์นันเก้กล่าว "เครื่องมือตามปกติของเรายังสามารถสร้างภาวะทางการเงินที่เอื้ออำนวย หนุนเศรษฐกิจ และยังช่วยเศรษฐกิจกลับสู่ภาวะปกติมากขึ้น"
ทั้งนี้ เฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed funds rate) ที่ระดับ 0 - 0.25 % ในการประชุมระยะเวลา 2 วันซึ่งเสร็จสิ้นเมื่อวานนี้ (20 มิ.ย.) พร้อมกับขยายเวลาการใช้มาตรการ Operation Twist ไปจนถึงสิ้นปี 2555 โดยมีเป้าหมายที่จะฉุดอัตราดอกเบี้ยระยะยาวให้ปรับตัวลดลง เพื่อกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจและการจ้างงาน
นอกเหนือจากการตรึงอัตราดอกเบี้ย พร้อมกับเข้าซื้อพันธบัตรระยะยาวและขายพันธบัตรระยะสั้นในวงเงินเท่ากัน หรือที่เรียกว่า Operation Twist แล้ว เฟดยังได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐในปีนี้ด้วย โดยคาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัว 1.9-2.4% ในปี 2555 ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้เมื่อเดือนเม.ย.ที่ 2.4-2.9% พร้อมกับคาดการณ์ว่า อัตราว่างงานจะยืนอยู่ที่ 8-8.2% ในปี 2555 ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้เมื่อเดือนเม.ย.ที่ระดับ 7.8-8%
เฟดระบุว่า เมื่อพิจารณาจากอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการจ้างงานที่อ่อนแอลงแล้ว เฟดจึงเตรียมความพร้อมที่จะใช้มาตรการเพิ่มเติมเพื่อหนุนเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวเร็วขึ้น และหนุนตลาดแรงงานให้ฟื้นตัวขึ้นอย่างยั่งยืน โดยจะพิจารณาถึงเสถียรภาพด้านราคาด้วย