รมช.พาณิชย์ เผย พ.ค.ยอดธุรกิจเจ๊ง 39% เป็นไปตามวัฏจักรไม่ใช่ขึ้นค่าแรง

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday June 21, 2012 16:11 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ รมช.พาณิชย์ เผยสถิติการจดทะเบียนเลิกกิจการทั่วประเทศของนิติบุคคลประเภทห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน และบริษัทจำกัด ในเดือน พ.ค.55 มีจำนวน 948 ราย หรือเพิ่มขึ้น 39% เมื่อเทียบกับ พ.ค.54 ที่มีการจดทะเบียนเลิก 681 ราย และเพิ่มขึ้น 18% เมื่อเทียบกับ เม.ย.55 ที่มีการจดทะเบียนเลิกกิจการ 797 ราย มีทุนจดทะเบียนเลิกกิจการคิดเป็นมูลค่า 4,520 ล้านบาท

โดยประเภทธุรกิจที่มีจดทะเบียนเลิกสูงสุด 3 อันดับแรก คือ บริการนันทนาการ 127 ราย ก่อสร้างอาคารทั่วไป 119 ราย อสังหาริมทรัพย์ 41 ราย ส่งผลให้การจดทะเบียนเลิกกิจการช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้(ม.ค.-พ.ค.55) มีทั้งสิ้น 4,532 ราย เพิ่มขึ้น 19% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีการจดทะเบียนเลิกรวมกัน 3,797 ราย

"การจดทะเบียนเลิกในเดือนพฤษภาคมนี้ยืนยันว่า ไม่ได้เป็นกระทบจากการปรับขึ้นค่าแรงงานขั้นต่ำ 300 บาท/วัน ของรัฐบาล แต่ที่มียอดกิจการเพิ่มสูงขึ้นจากการสำรวจข้อมูลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า พบว่าผู้ประกอบการที่มาจดทะเบียนเลิกมีหลายสาเหตุ เช่น เกิดจากการไม่ได้โควตาสลากกินแบ่งรัฐบาล หุ้นส่วนขัดแย้ง หุ้นส่วนเสียชีวิต ปัญหาสุขภาพของผู้เป็นหุ้นส่วน รวมทั้งบางบริษัทที่เกี่ยวข้องกับอสังหาฯตั้งขึ้นมาเพื่อรับงานจากภาครัฐ เมื่อหมดสัญญาก็เลิกกิจการ ฯลฯ" นายศิริวัฒน์ กล่าว

ขณะที่ยอดการจัดตั้งธุรกิจใหม่ทั่วประเทศในเดือน พ.ค.55 มี 4,906 ราย เพิ่มขึ้น 1% เมื่อเทียบกับ พ.ค.54 ที่มียอดจัดตั้งธุรกิจ 4,862 ราย แต่เพิ่มขึ้นถึง 21% เมื่อเทียบกับ เม.ย.55 ที่มีการจดทะเบียนจัดตั้ง 4,041 ราย มีทุนจดทะเบียนจัดตั้งรวมกัน 24,000 ล้านบาท โดยธุรกิจที่มีการจดทะเบียนจัดตั้งสูงสุด 3 อันดับแรก คือ ก่อสร้างอาคารทั่วไป 443 ราย บริการนันทนาการ 326 ราย อสังหาริมทรัพย์ 288 ราย

อย่างไรก็ตาม การจดทะเบียนช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้มีการจัดตั้งใหม่ 25,200 ราย ลดลง 3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน เพราะยอดการจัดตั้งช่วงต้นปีที่ผ่านมาลดลง เนื่องจากธุรกิจได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ทำให้ผู้ประกอบการไม่สามารถเดินทางมาจดทะเบียนได้ แต่ได้เริ่มฟื้นตัว โดยมีการจัดตั้งเพิ่มมากขึ้นซึ่งสะท้อนในเดือน พ.ค.นี้ ส่วนแนวโน้มการจัดตั้งธุรกิจในเดือนต่อไป คาดว่าจะมีอัตราเพิ่มสูงขึ้น จากแนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่ยังดีอยู่ และความเชื่อมั่นผู้บริโภคกลับมาฟื้นตัว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ