กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 16 มิ.ย. ขยับลงเพียง 2,000 ราย มาอยู่ที่ 387,000 ราย บ่งชี้ว่าการฟื้นตัวของตลาดแรงงานสหรัฐอ่อนแรงลง
จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในสัปดาห์ที่แล้วลดลงจากระดับ 389,000 ในสัปดาห์ก่อนหน้า ซึ่งเป็นตัวเลขที่ได้รับการปรับทบทวนขึ้นจากระดับ 386,000 รายในรายงานก่อนหน้านี้ ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ว่าจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการในสัปดาห์ที่แล้วจะอยู่ที่ 380,000-385,000 รายโดยประมาณ
อย่างไรก็ตาม จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานโดยเฉลี่ย 4 สัปดาห์ เพิ่มขึ้น 3,500 ราย มาอยู่ที่ 386,250 ราย ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ช่วงต้นเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว โดยข้อมูลนี้ถูกมองว่าสามารถวัดแนวโน้มตลาดแรงงานได้ดีกว่า เพราะมีความผันผวนน้อยกว่าตัวเลขรายสัปดาห์
ทั้งนี้ เมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว ตลาดแรงงานสหรัฐได้ส่งสัญญาณฟื้นตัวขึ้น โดยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ลดลงอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เดือนต.ค. แต่ความเคลื่อนไหวที่เป็นบวกดังกล่าวเริ่มส่อแววหยุดชะงักในระยะหลังมานี้ เมื่อจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์กลับมาดีดตัวขึ้นต่อเนื่องในช่วงเดือนเม.ย.จนถึงพ.ค.ที่ผ่านมา
ขณะเดียวกันการจ้างงานใหม่ยังส่งสัญญาณชะลอตัวด้วย โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเพิ่มขึ้นน้อยเกินคาดเพียง 69,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. ขณะที่อัตราว่างงานปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยสู่ระดับ 8.2% ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะทรงตัวที่ระดับ 8.1%
การเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในวันนี้มีขึ้นหนึ่งวันหลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้เปิดเผยคาดการณ์แนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการจ้างงานที่มืดมนมากขึ้น โดยเฟดแถลงภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินวานนี้ว่า อัตราว่างงานจะอยู่ที่ราว 8.0-8.2% ภายในปลายปีนี้ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ในเดือนเม.ย.ที่ระดับ 7.8-8.0%