สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้นแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (21 มิ.ย.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอทั่วโลก และความผิดหวังที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไม่ได้ใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ทำให้นักลงทุนแห่ถือครองดอลลาร์สหรัฐซึ่งเป็นสกุลเงินที่ปลอดภัย
ค่าเงินยูโรร่วงลง 1.29% แตะที่ 1.2540 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพุธที่ 1.2704 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่สกุลเงินปอนด์ร่วงลง 0.82% แตะที่ 1.5586 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5715 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 1.01% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 80.310 เยน จากระดับ 79.510 เยน และทะยานขึ้น 1.24% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 0.9570 ฟรังค์ จากระดับ 0.9453 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียดิ่งลง 1.59% แตะที่ 1.0029 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0191 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ร่วงลง 1.36% แตะที่ 0.7855 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7963 ดอลลาร์สหรัฐ
กระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับความอ่อนแอของเศรษฐกิจทั่วโลกทำให้นักลงทุนกระหน่ำขายสินทรัพย์เสี่ยงเช่นหุ้นและสกุลเงินยูโร และหันมาถือครองเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นสกุลเงินที่ปลอดภัย
สหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแออย่างมากเมื่อวานนี้ รวมถึงดัชนีแนวโน้มธุรกิจร่วงลงอย่างหนักมาอยู่ที่ระดับ -16.6 จุด ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.ปีที่แล้ว ขณะที่ยอดขายบ้านมือสองเดือนพ.ค.ปรับตัวลดลง 1.5% มาอยู่ที่ระดับ 4.55 ล้านยูนิตต่อปี และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานโดยเฉลี่ย 4 สัปดาห์ เพิ่มขึ้น 3,500 ราย มาอยู่ที่ 386,250 ราย ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ช่วงต้นเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว
นอกจากนี้ยังมีข้อมูลที่บ่งชี้ถึงความอ่อนแอของเศรษฐกิจจีนและยุโรปด้วย โดยเอชเอสบีซี โฮลดิงส์เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ขั้นต้นของภาคการผลิตจีนในเดือนมิ.ย. ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 48.1 จุด จากระดับของเดือนพ.ค.ที่ 48.4 จุด สะท้อนให้เห็นว่ากิจกรรมในอุตสาหกรรมการผลิตของจีนอยู่ในภาวะซบเซาในเดือนมิ.ย. ขณะที่มาร์กิต อิโคโนมิคส์เปิดเผยว่า ดัชนี PMI เบื้องต้นของยูโรโซนในเดือนมิ.ย. ทรงตัวที่ 46.0 แต่ยังถือว่าหดตัวลง เนื่องจากดัชนียังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าระดับ 50 จุด
ความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาคธนาคารของสเปนนับเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้นักลงทุนเทขายยูโรและหันเข้าซื้อดอลลาร์สหรัฐ โดยฟิทช์ เรทติ้งส์ เตือนว่าระบบธนาคารของสเปนจำเป็นต้องได้รับเงินช่วยเหลือราว 9 หมื่นล้านยูโร - 1 แสนล้านยูโร หรือ 1.143-1.270 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ หากวิกฤตการณ์ในภาคธนาคารทวีความรุนแรงขึ้น