นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.คมนาคม กล่าวในรายการ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ พบประชาชน ว่า รัฐบาลมีเป้าหมายในการพัฒนาระบบลอจิสตกส์ของประเทศ เพื่อลดต้นทุนจากปัจจุบันอยู่ที่ 15.2%ของจีดีพีเหลือ 13.2% ภายใน 2-3 ปี เพื่อเพิ่มความสามารถารแข่งขันของประเทศและจูงใจนักลงทุนต่างประเทศเข้ามาลงทุนในไทย โดยปัจจุบัน ระบบลอจิสติกส์ของไทย 86% เป็นทางรถยนต์ , 12% ทางน้ำ , 2% ทางราง และ 0.02% ทางอากาศ โดยระบบขนส่งทั้ง 4 แนวทางมีต้นทุนของระบบน้ำถูกที่สุด รองลงมาคือระบบราง ดังนั้นยุทธศาสตร์ของรัฐบาลจึงจะพัฒนาระบบขนส่งทางรางเพิ่มขึ้น จาก 2% เป็น 4% และเพิ่มการขนส่งทางน้ำจาก 12% เป็น 14-15% เพื่อลดการขนส่งทางรถยนต์
โดยท่าเรือแหลมฉบัง ถือเป็นท่าเรือสำคัญ ซึ่งรัฐบาลมีแผนที่จะขยายท่าเรือแหลมฉบับในเฟส 3 พร้อมปรับปรุงท่าเรือในเฟส 1 โซน A และเฟส 2 โซน D ให้ใช้พื้นที่ได้เต็มศักยภาพ โดยปัจจุบันท่าเทียบเรือแหลมฉบังมีการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ 5.8 ล้านตู้/ปี และคาดว่าปี 62 เพิ่มเป็น 10.8 ล้านตู้/ปี ซึ่งขณะนี้ขีดความสามารถการรองรับการขนส่งในเฟส 1-2 เกือบเต็มที่แล้ว และเหลือเวลาอีก 6-7 ปีในการปรับปรุงแก้ไขในทัน
อย่างไรก็ตามในระยะสั้น อาจจะต้องมีการเร่งขยายปากทางเข้าท่าเทียบเรือแหลมฉบังจาก 8 เลน เป็น 14 เลน กรมทางหลวงจะมีการสร้างถนนมอเตอร์เวย์เข้าแหลมฉบัง และมีแผนทำทางพิเศษจากพัทยาสู่แหลมฉบัง และขยายลงไปที่มาบตาพุด ซึ่งเป็นศูนย์รวมอุตสาหรรมต่างๆ