สกุลเงินยูโรอ่อนแรงลงมาอยู่ที่ระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 สัปดาห์เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (26 มิ.ย.) หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรของสเปนพุ่งขึ้น และจากการที่นักลงทุนไม่มั่นใจว่าที่ประชุมผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) จะสามารถคลี่คลายปัญหาหนี้ยุโรปได้
ค่าเงินยูโรอ่อนแรงลง 0.06% แตะที่ 1.2496 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.2503 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์พุ่งขึ้น 0.48% แตะที่ 1.5646 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5572 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 0.28% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 79.440 เยน จากระดับ 79.660 เยน และขยับขึ้น 0.05% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9608 ฟรังค์ จากระดับ 0.9603 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 0.72% แตะที่ 1.0075 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0003 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.58% แตะที่ 0.7920 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7874 ดอลลาร์สหรัฐ
สกุลเงินยูโรอ่อนตัวลงหลังจากสเปนประมูลขายตั๋วเงินคลังอายุ 3 และ 6 เดือนได้ 3.077 พันล้านยูโร โดยมีอัตราผลตอบแทนสูงขึ้น โดยสเปนตั้งเป้าการระดมทุนไว้ที่ 2-3 พันล้านยูโร
ตั๋วเงินคลังอายุ 3 เดือนระดมทุนได้ 1.600 พันล้านยูโร โดยให้ผลตอบแทนที่ 2.362% จากเดิมที่ 0.846% และมีความต้องการซื้อมากกว่าจำนวนที่เปิดประมูล 2.6 เท่า จากครั้งก่อนที่ 3.9 เท่า
การประมูลตั๋วเงินคลังของสเปนเมื่อวานนี้นับเป็นที่จับตาของนักลงทุน หลังจากมูดี้ส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือตราสารหนี้ระยะยาวและเงินฝากของธนาคารพาณิชย์ 28 แห่งของสเปนลง 1-4 ขั้น
นักลงทุนจับตาดูการประชุมสุดยอดของบรรดาผู้นำอียูที่จะจัดขึ้นที่กรุงบรัสเซลส์ในระหว่างวันที่ 28-29 มิ.ย.นี้ โดยคาดว่าที่ประชุมจะหารือในประเด็นกลไกรักษาเสถียรภาพยุโรป (ESM) หรือกองทุนช่วยเหลือถาวรที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ก.ค.ปีนี้ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนไม่มั่นใจว่าที่ประชุมจะสามารถคลี่คลายวิกฤตหนี้ ทางการสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้ รวมถึงยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนพ.ค., ยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขายเดือนพ.ค., ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ตรมาส 1/2555 และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์