รายงานฉบับล่าสุดของเอชเอสบีซีระบุว่า ประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ซึ่งรวมถึงจีนนั้น จะเริ่มสร้างความสมดุลทางการค้าใน 5 ปีข้างหน้านี้ เนื่องจากคาดว่าการนำเข้าของจีนจะมีมูลค่ามากกว่าการส่งออก และจากการที่จีนได้รับประโยชน์จากเศรษฐกิจในประเทศซึ่งขยายตัวอย่างต่อเนื่อง จึงคาดว่าการนำเข้าจะขยายตัวมากกว่าการส่งออกใน 15 ปีข้างหน้า
รายงานระบุว่า การส่งออกในประเทศที่พัฒนาแล้ว อาทิ สหรัฐ อังกฤษ ฝรั่งเศส และสเปนจะขยายตัวเร็วกว่าการนำเข้า ขณะที่แอฟริกาใต้ ออสเตรเลีย และคาซัคสถานจะเป็นแหล่งสินค้านำเข้าของจีนซึ่งขยายตัวอย่างรวดเร็วโดยได้ปัจจัยหนุนจากความต้องการพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์ ส่วนเวียดนาม บราซิล และอินเดีย จะเป็นจุดหมายปลายทางการส่งออกของจีนที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วใน 5 ปีข้างหน้า
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ด้วยการค้าระดับทวีภาคระหว่างจีนและอินเดียซึ่งเติบโตต่อเนื่องอย่างแข็งแกร่ง เอชเอสบีซีจึงคาดการณ์ว่าอินเดียจะตลาดส่งออกที่ใหญ่สุดของจีนอันดับที่ 7 ก่อนปี 2569
"ด้วยแรงผลักด้านจากการพัฒนาเศรษฐกิจและประโยชน์ที่จีนได้รับจากความพยายามที่จะส่งเสริมความดุลทางการค้าและพัฒนาความสามารถในการบริโภคของประชากรในประเทศ จึงทำให้ยอดนำเข้าของจีนขยายตัวอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แม้ว่าภาพรวมของเศรษฐกิจประเทศที่พัฒนาแล้วกำลังอ่อนแอ แต่ยอดนำเข้าของจีนจะกลายเป็นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญที่สุดในการขับเคลื่อนการค้าทั่วโลก ขณะเดียวกันการฟื้นตัวที่เป็นไปอย่างเชื่องช้าในตลาดสหรัฐและสหภาพยุโรปจะกระตุ้นให้เกิดการค้าที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นระหว่างประเทศกำลังพัฒนาด้วยกัน และประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่จำนวนมากจะเร่งทำการค้ากับจีนใน 5 ปีข้างหน้า" นายเหอ ชุนหัว เจ้าหน้าที่อาวุโสของเอชเอสบีซีกล่าว