นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ รมช.คลัง กล่าวภายหลังเป็นประธานลงนามในบันทึกข้อตกลงระหว่างบรรษัทสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม(บสย.) กับสถาบันการเงิน 17 แห่ง ในโครงการค้ำประกันสินเชื่อในลักษณะ portfolio guarantee scheme ระยะที่ 4(PGS) วงเงิน 2.4 หมื่นล้านบาท และโครงการค้ำประกันสินเชื่อ PGS สำหรับผู้ประกอบการใหม่วงเงิน 1 หมื่นล้านบาทว่า ทั้ง 2 โครงการถือเป็นนโยบายของรัฐบาลในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ช่วยเหลือเอสเอ็มอีให้มีศักยภาพที่ต้องการสินเชื่อแต่ขาดหลักประกันให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนจากสถาบันการเงินให้มากขึ้น และเชื่อว่าวงเงินค้ำประกันทั้งหมด 3.4 หมื่นล้านบาท จะมีผู้ประกอบการเอสเอ็มอีขอใช้วงเงินทั้งหมดภายในสิ้นปีนี้
สำหรับโครงการค้ำประกันสินเชื่อ PGS ระยะที่ 4 เป็นโครงการค้ำประกันสินเชื่อที่สถาบันการเงินจะปล่อยให้ผู้ประกอบการที่มีศักยภาพแต่หลักประกันไม่เพียงพอ ในลักษณะ portfolio มีระยะเวลาค้ำประกันสูงสุด 5 ปี วงเงินค้ำประกันสูงสุดไม่เกิน 40 ล้านบาทต่อรายมีค่าธรรมเนียมค้ำประกัน 1.75% ต่อปี ของวงเงินค้ำประกัน
ส่วนโครงการค้ำประกันสินเชื่อ PGS สำหรับผู้ประกอบใหม่ บสย.จะค้ำประกันสินเชื่อให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่เพิ่งประกอบกิจการไม่เกิน 2 ปี ในลักษณะ portfolio มีระยะเวลาค้ำประกัน 7 ปีวงเงินค้ำประกันสูงสุดไม่เกิน 2 ล้านบาท ค่าธรรมเนียมค้ำประกัน 2.5% ต่อปีของยอดค้ำประกันคงค้าง โดยรัฐบาลจะชดเชยค่าธรรมเนียมให้ในปีแรก 1.75% ที่เหลือ 0.75% ผู้ประกอบต้องจ่ายเอง
ด้านนายวิบูลย์ เพิ่มอารยพงศ์ กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บสย. กล่าวว่า 2 โครงการค้ำประกันดังกล่าวมั่นใจว่าจะใช้ได้หมดในปีนี้ เพราะสถาบันที่ร่วมลงนามในครั้งนี้มีลูกค้าในมือที่จะปล่อยสินเชื่อกว่า 2.2 หมื่นล้านบาท ในส่วนของ บสย.จะมีการค้ำประกันเฉลี่ย 5 พันล้านบาทต่อเดือน ประกอบกับยังมีวงเงินค้ำประกันเพื่อช่วยเหลือเอสเอ็มอีที่ประสบภัยน้ำท่วมอีกประมาณ 2 หมื่นล้านบาท ทำให้จนถึงสิ้นปี บสย.จะสามารถค้ำประกันสินเชื่อได้รวมกว่า 6 หมื่นล้านบาท
นอกจากนี้ยังได้รับมอบนโยบายจากคณะกรรมการ บสย.ให้เตรียมจัดทำค้ำประกันสินเชื่อ PGS ในระยะต่อไป เพื่อความต่อเนื่องในการดำเนินการโครงการและรองรับความต้องการของลูกค้าในการเข้าค้ำประกันสินเชื่อ ขณะเดียวกัน บสย.เสนอกระทรวงการคลัง ในขยายวงเงินค้ำประกันผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ถูกน้ำท่วมจาก 10 ล้านบาท เป็น 30 ล้านบาท พร้อมทั้งขอขยายเวลาในการดำเนินโครงการออกไปจากเดิม เตรียมเสนอไปยัง ครม.ในเร็วๆ นี้