นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รมช.คลัง เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการช่วยเหลือเกษตรกรตามโครงการบัตรสินเชื่อเกษตรกร ระหว่าง ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) บมจ. ปตท. (PTT) บมจ. บางจากปิโตรเลียม (BCP) และตัวแทนเครือข่ายสมาคมผู้ผลิตปัจจัยการผลิตทางการเกษตรทั้งนี้เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในการจัดหาปัจจัยการผลิตที่มีคุณภาพ ราคายุติธรรม เป็นการเพิ่มสิทธิ์ประโยชน์และเป็นการลดภาระดอกเบี้ยให้แก่เกษตรกร
นายทนุศักดิ์ กล่าวว่า ได้ประสานความร่วมมือกับภาคเอกชนจัดทำบันทึกข้อตกลงเพื่อเพิ่มสิทธิประโยชน์และแบ่งเบาภาระดอกเบี้ยให้แก่เกษตรกรตามโครงการบัตรสินเชื่อเกษตรกรโดย ปตท.และบางจากฯ จะมอบสิทธิประโยชน์ในด้านปัจจัยการผลิตประเภทน้ำมันเชื้อเพลิงซึ่งเกษตรกรสามารถซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงผ่านบัตรสินเชื่อเกษตรกรในสถานีบริการของ ปตท.และบางจาก ที่เข้าร่วมโครงการ ประมาณ 1,000 แห่งทั่วประเทศ วงเงินไม่เกินรายละ 3,000 บาทต่อฤดูการผลิต โดย ธ.ก.ส.จะงดคิดดอกเบี้ยเป็นเวลา 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ซื้อ ส่วนปตท.และบางจากจะสนับสนุนดอกเบี้ยเงินกู้ให้กับเกษตรกรที่ซื้อน้ำมันของบริษัทผ่านระบบบัตรสินเชื่อเกษตรกรในอัตราลิตรละ 7 สตางค์ ในจำนวนไม่เกิน100 ลิตรต่อราย
สำหรับตัวแทนเครือข่ายสมาคมผู้ผลิตปัจจัยการผลิตทางการเกษตร ได้แก่ บริษัทปุ๋ย ยาปราบศัตรูพืช และเมล็ดพันธุ์ จำนวน 5 กลุ่มได้แก่ สมาคมการค้าเมล็ดพันธุ์ไทย สมาคมการค้าผู้ผลิตปุ๋ยไทย สมาคมการค้าปุ๋ยและธุรกิจการเกษตรไทย สมาคมคนไทยธุรกิจเกษตร และสมาคมอารักขาพืชไทย จะจำหน่ายปัจจัยการผลิตทางการเกษตรที่มีคุณภาพราคายุติธรรม ให้กับเกษตรกรผ่านบัตรสินเชื่อเกษตรกร โดย ธ.ก.ส. งดคิดดอกเบี้ยเป็นเวลา 30 วัน นับตั้งแต่วันที่เกษตรกรใช้บัตรสินเชื่อซื้อปัจจัยการผลิต
ส่วนบริษัทเครือข่ายผู้จำหน่ายปัจจัยการผลิต ประเภทปุ๋ย ยาปราบศัตรูพืชและเมล็ดพันธุ์ที่เข้าร่วมโครงการจะสนับสนุนดอกเบี้ยเงินกู้ให้กับเกษตรกรที่ซื้อสินค้าของบริษัทผ่านบัตรสินเชื่อเกษตรกรในอัตรา MRR ปัจจุบันเท่ากับ ร้อยละ 7 ต่อปี เป็นระยะเวลา 120 วัน รวมแล้วเกษตรกรสามารถซื้อปัจจัยการผลิตผ่านบัตรสินเชื่อเกษตรกรโดยไม่มีภาระดอกเบี้ยเป็นระยะเวลาถึง 5 เดือน
นายทนุศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ธ.ก.ส.ได้ดำเนินโครงการบัตรสินเชื่อเกษตรกรตามนโยบายของรัฐบาลเพื่ออำนวยความสะดวกและช่วยเหลือเกษตรกรในการจัดหาปัจจัยการผลิตทางการเกษตรและมีการทดลองระบบในพื้นที่นำร่อง 5 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ อุดรธานี พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี และสระบุรี ซึ่งผลการดำเนินงานประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี มีจำนวนลูกค้าที่ทดลองใช้บัตรทั้งสิ้น 5,522 ราย มียอดใช้จ่ายผ่านบัตรสินเชื่อจำนวน 7,272,704บาท
สำหรับการดำเนินงาน ณ ปัจจุบัน ได้จัดทำบัตรสินเชื่อแล้ว 823,794 ใบ และอยู่ระหว่างดำเนินการพิจารณาอนุมัติเพิ่มจำนวน 806,950 ใบ ซึ่งพร้อมที่จะมอบให้กับเกษตรกรลูกค้าทั่วประเทศในวันเปิดตัวบัตรสินเชื่อเกษตรกรอย่างเป็นทางการโดยนายกรัฐมนตรี ภายในเดือนกรกฎาคมนี้ พร้อมกับติดตั้งเครื่อง EDC ที่พร้อมใช้งานให้กับร้านค้าเครือข่ายแล้วจำนวน 2,352 ร้านค้าทั้งนี้จะทยอยมอบบัตรสินเชื่อเกษตรกรจนครบ 2,000,000 ใบ ในพื้นที่ 77 จังหวัดทั่วประเทศ และติดตั้งเครื่อง EDC ให้แก่ปั๊มน้ำมันให้ครบทุกอำเภอ ประมาณ 1,000 แห่ง รวมถึงร้านค้าเครือข่ายในส่วนที่เหลือ ภายใน 31 กรกฎาคมนี้