ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)แถลงภาวะเศรษฐกิจในเดือนพฤษภาคม 2555 ว่า เศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้น โดยการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ปรับดีขึ้น ช่วยสนับสนุนให้อุปสงค์ขยายตัวได้ต่อเนื่องทั้งการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน ส่วนภาคการท่องเที่ยวยังคงขยายตัวในเกณฑ์ดี สาหรับการส่งออกในภาพรวมขยายตัวได้ดี แม้จะได้รับผลกระทบจากปัญหาวิกฤตหนี้ในกลุ่มประเทศยูโร ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจโดยรวมอยู่ในเกณฑ์ดี โดยอัตราการว่างงานยังอยู่ในระดับต่า ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเร่งขึ้นเล็กน้อย
นายเมธี สุภาพงษ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายนโยบายเศรษฐกิจการเงิน ธปท.กล่าวว่า ภาพรวมการขยายตัวเศรษฐกิจในเดือนพฤษภาคมปรับตัวดีขึ้นทุกภาคส่วน ทั้งการผลิต การบริโภค การลงทุน การท่องเที่ยว และการส่งออกด้วย ขณะที่อัตราการว่างงานต่ำ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปรับขึ้นเล็กน้อย
ทั้งนี้ ภาคการผลิตปรับตัวสูงขึ้น โดยเร่งตัวขึ้น 5.5% เทียบช่วงเดียวกันปีกอ่น และเทียบกับเดือนเมษายนอยู่ที่ 5.9% การผลิตที่ขยายตัวดีขึ้น ได้แก่ ภาคยานยนต์เร่งตัวมากขึ้นเพื่อเร่งส่งมอบตามความต้องการของตลาดที่ยังคงค้างอยู่ ประกอบกับฐานต่ำจากช่วงเหตุการณ์สึนามิที่ญี่ปุ่นช่วงต้นปี 54 นอกจากนั้น ยังมีการเร่งผลิตเบียร์ช่วงก่อนการแข่งขันฟุตบอลยูโร ขณะเดียวกันการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้ากลับมาเร่งตัวขึ้นหลังจากผ่านพ้นช่วงน้ำท่วม แต่การผลิต HDD และ IC ยังหดตัว แม้ว่าบางส่วนฟื้นตัวอย่างช้าๆ เนื่องจากรอติดตั้งเครื่องจักรใหม่ ส่วนการผลิตสิ่งทอ และเครื่องนุ่มห่ม ติดลบเพราะแข่งขันกับคู่แข่งในต่างประเทศไม่ได้ รวมทั้งผลกระทบจากวิกฤติหนี้ยูโรโซน
ภาพรวมการผลิตที่เร่งตัวขึ้นสอดคล้องกับอัตรากำลังการผลิตที่สูงขึ้นมาที่ 75.9% เร่งตัวจาก 62.9% ในเดือนเมษายน แต่หากปรับฤดูกาลแล้ว จะอยู่ที่ 73.3% เร่งขึ้นจาก 68.3% ถือว่าสูงเป็นประวัติการณ์ แต่ก็ยังต้องติดตามในระยะต่อไป เพราะโดยหลักๆเป็นการเร่งตัวของการผลิตรถยนต์ที่ฟื้นตัวขึ้น
ด้านรายได้ภาคเกษตรหดตัว 4.3% แต่เป็นการหดตัวที่ลดลงจาก -13.4% ในเดือนเมษายน เพราะผลผลิตข้าวนาปรังดีขึ้น ผลผลิตยางพาราและปาล์มน้ำมัน ราคายังติดลบต่ำกว่าปี 54
ขณะที่การภาคบริโภคเอกชน ขยายตัว 6.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และสูงขึ้นจากเดือนเมษายน 2555 ที่อยู่ในระดับ 4.1% สะท้อนจากยอดจำหน่ายรถยนต์ที่สูงขึ้น และที่สำคัญมีการเร่งนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภค ประกอบกับ กำลังซื้อเร่งตัวขึ้นผลจากการจ้างงานภาคครัวเรือนที่สูงขึ้น
ด้านลงทุนขยายตัวต่อเนื่อง 14% จากระยะเดียวกันปีก่อน และเร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัว 12.6% เป็นการขยายตัวดีขึ้นทุกองค์ประกอบ สอดคล้องกับระดับดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจที่สูงกว่าระดับ 50 และสูงกว่าเดือนก่อนหน้าที่อยู่ในระดัย 47.7% มองไประยะข้างหน้า 3 เดือนข้างหน้าก็ยังเกิน 50 โดยอยู่ที่ 54.6 ทุกองค์ประกอบปรับตัวเร่งขึ้นเกินระดับ 50 ยกเว้นต้นทุนการผลิต สอดคล้องกับการขยยายตัวของสินเชื่อที่เติบโต 15%