นายมาริอาโน ราฮอย นายกรัฐมนตรีสเปน และประธานาธิบดีคาโรลอส ปาปูลิอาสของกรีซ ได้แสดงความพอใจต่อมติของที่ประชุมสหภาพยุโรป (อียู) ที่ตัดสินใจเพิ่มทุนให้กับภาคธนาคารของยูโรโซน รวมถึงภาคธนาคารของสเปน และใช้มาตรการกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจในระยะกลาง
"นี่คือชัยชนะของยูโรโซน การตัดสินใจของผู้นำอียูในครั้งนี้มีเป้าหมายที่จะสร้างความแข็งแกร่งให้กับยูโรโซนและอียู ซึ่งรวมไปถึงการสร้างงานและหนุนเศรษฐกิจให้เติบโต" นายกรัฐมนตรีราฮอยกล่าว
ขณะที่ประธานาธิบดีปาปูลิอาสกล่าวว่า มติที่ประชุมอียู โดยเฉพาะการเพิ่มทุนให้กับภาคธนาคารนั้น จะช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดในตลาดพันธบัตร และยังช่วยให้หนี้สาธารณะของยูโรโซนปรับตัวลดลงด้วย นอกจากนี้ ยังจะช่วยให้ต้นทุนการกู้ยืมของประเทศต่างๆในยูโรโซนปรับตัวลดลงด้วยเช่นกัน
การแสดงความคิดเห็นของผู้นำสเปนและกรีซมีขึ้นหลังจากที่ประชุมผู้นำอียูอนุมัติให้ธนาคารของยูโรโซนได้รับการเพิ่มทุนโดยตรงจากกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF) และกองทุนกลไกรักษาเสถียรภาพยุโรป (ESM) โดยหนึ่งในเป้าหมายของการอนุมัติมาตรการดังกล่าวคือการพยุงพันธบัตรรัฐบาลในตลาดการเงิน
ทั้งนี้ กองทุน EFSF/ESM จะสามารถเพิ่มทุนให้แก่ธนาคารพาณิชย์ได้โดยตรงตั้งแต่ปีหน้า โดยไม่ส่งผลให้ยอดขาดดุลงบประมาณของประเทศสมาชิกยูโรโซนเพิ่มสูงขึ้นและไม่เป็นการเพิ่มหนี้สินให้แก่รัฐบาล นอกจากนี้ กองทุน EFSF/ESM สามารถแทรกแซงตลาดพันธบัตรได้ เพื่อช่วยเหลือประเทศที่มีเศรษฐกิจอ่อนแอ
นอกจากนี้ ที่ประชุมบรรลุยังได้บรรลุข้อตกลงกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการจ้างงานในยุโรป วงเงิน 1.20 แสนล้านยูโร หรือ 1.50 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะยาว รวมทั้งส่งเสริมการขยายตัวด้านการลงทุน เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของยุโรป