นายสมศักดิ์ ปณีตัธยาศัย นายกสมาคมกุ้งไทย เปิดเผยว่า สถานการณ์การส่งออกกุ้งของประเทศไทยในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2555 (มกราคม-เมษายน) มีปริมาณรวม 92,862 ตัน ลดลงร้อยละ 10.31 มูลค่าการส่งออกอยู่ที่ 26,514 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 3.18 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2554 ที่มีปริมาณ 103,533 ตัน และมูลค่า 27,385 ล้านบาท ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากตลาดสหรัฐอเมริกา มีการนำเข้าลดลงกว่าร้อยละ 20
ทั้งนี้ ยอมรับว่าทิศทางของอุตสาหกรรมกุ้งไทย นับจากนี้ถือว่าน่าเป็นห่วงอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อสหภาพยุโรป หรือ อียู ได้ประกาศปรับเปลี่ยนเกณฑ์การให้สิทธิพิเศษทางศุลกากร หรือ จีเอสพี ตามที่ได้ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาอียูเรียบร้อยแล้ว ซึ่งสินค้ากุ้ง เป็น 1 ใน 57 รายการของสินค้าไทยที่ถูกตัดจีเอสพีระบบใหม่ เนื่องจากในอัตราภาษีใหม่ กุ้งดิบจะต้องเสียภาษีในอัตราเต็ม ที่ร้อยละ 12 จากที่ปัจจุบันเสียภาษีในอัตราร้อยละ 4.2 สำหรับสินค้ากุ้งสุก และกุ้งปรุงแต่ง จะต้องเสียภาษีในอัตราเต็ม ที่ร้อยละ 20 จากปัจจุบันเสียภาษีที่ร้อยละ 7 ซึ่งจากอัตราภาษีที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดนี้ จะส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกอย่างแน่นอน ขณะที่ประเทศคู่แข่งที่สำคัญ เช่น มาเลเซีย ได้ทำเอฟทีเอกับอียูแล้ว
ส่วนเวียดนาม อินเดีย จีน อินโดนีเซีย แม้จะยังไม่ได้ทำเอฟทีเอ แต่ก็มีอัตราภาษีที่ได้เปรียบกว่าไทยจึงขอให้ภาครัฐ หาแนวทางช่วยเหลืออย่างเต็มที่เพื่อให้ไทยสามารถแข่งขันได้ เพราะการใช้อัตราภาษีใหม่นี้ มีโอกาสจะทำให้การส่งออกกุ้งของไทยไปตลาดอียู ที่ปัจจุบันมีประมาณร้อยละ 20-25 ของการส่งออกทั้งหมด จะเหลือไม่ถึงร้อยละ 5 จึงขอให้รัฐบาลเร่งช่วยเจรจาเรื่องจีเอสพี ไม่ให้ไทยถูกเรียกเก็บในอัตราที่สูงสุดอยู่เพียงประเทศเดียว หรือดำเนินการเจรจาด้านเอฟทีเอ กับอียู โดยเร็ว เพื่อความอยู่รอดของอุตสาหกรรมกุ้งไทย ซึ่งมีเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งและผู้เกี่ยวข้องในระบบกว่า 2 ล้านคน