บมจ.ไทยออยล์ (TOP) คาดสัปดาห์นี้ราคาน้ำมันดิบจะผันผวนและมีโอกาสปรับลดลง แม้ว่าการประชุมสุดยอดผู้นำยุโรปมีข่าวดีในการแก้ปัญหาหนี้ยุโรปและมีแผนกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม แต่ความไม่ชัดเจนในรายละเอียดของแผนการแก้ปัญหาหนี้ยุโรปอาจเป็นปัจจัยส่งผลให้เกิดการเทขายน้ำมันเพื่อทำกำไรได้
ทั้งนี้ คาดว่าน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสจะเคลื่อนไหวในกรอบ 77-87 เหรียญฯ/บาร์เรล ส่วนเบรนท์อยู่ในกรอบ 90-100 เหรียญฯ/บาร์เรล
ปัจจัยที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ การประชุมสุดยอดผู้นำสหภาพยุโรปผ่านข้อตกลงมาตรการแก้ไขปัญหาหนี้ โดยยอมให้มีการนำเงินจากกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF) ซึ่งเป็นกองทุนช่วยเหลือชั่วคราว หรือจากกลไกรักษาเสถียรภาพยุโรป(ESM) หรือกองทุนช่วยเหลือถาวร มาใช้เพิ่มทุนให้กับธนาคารในยูโรโซนที่ประสบปัญหาโดยตรง และสามารถเข้าซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลในตลาดการเงินเพื่อลดต้นทุนการกู้ยืม โดยเฉพาะประเทศที่มีต้นทุนการกู้ยืมสูงอย่างอิตาลีและสเปน ส่วนรายละเอียดแผนแก้ไขปัญหาดังกล่าวว่าจะมีเงื่อนไขและกลไกอย่างไรยังคงต้องติดตามต่อไป
รายละเอียดของแผนกระตุ้นเศรษฐกิจและการจ้างงานมูลค่า 120 พันล้านยูโรที่อิตาลีและสเปนยังคงไม่ลงนามจนกว่าจะมีความชัดเจนของแผนการเข้าซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลในตลาดการเงินเพื่อลดต้นทุนการกู้ยืม และการจัดตั้งหน่วยงานใหม่เพื่อกำกับดูแลภาคธนาคารของยูโรโซนที่เป็นเงื่อนไขหลักในการที่จะนำเงินกองทุน EFSF/ESM มาใช้เพิ่มทุนแก่ธนาคาร และที่จะนำไปสู่การจัดตั้งสหภาพธนาคารยุโรปและการออกพันธบัตรร่วมยูโรโซน
ส่วนการประชุมธนาคารกลางยุโรปในวันที่ 5 ก.ค.นี้ ที่หลายฝ่ายคาดว่าทางธนาคารจะประกาศลดอัตราดอกเบี้ยจากเดิมที่ระดับ 1% ลงไปอยู่ที่ 0.75% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและลดต้นทุนการกู้ยืม
ขณะที่การประท้วงของคนงานแท่นขุดเจาะน้ำมันที่ประเทศนอร์เวย์ที่เริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 24 มิ.ย. มีแนวโน้มบานปลาย ทำให้ล่าสุดกำลังผลิตกว่า 290,000 บาร์เรล/วันหรือกว่า 20% ของกำลังผลิตของประเทศต้องขาดหายไป
และมาตรการคว่ำบาตรการนำเข้านำมันจากอิหร่านโดยสหภาพยุโรปที่เริ่มอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 ก.ค. นี้ จะส่งผลให้การจ้างบริษัทประกันภัยเพื่อการขนส่งน้ำมันอิหร่านเป็นไปได้ยากขึ้น ล่าสุดการส่งออกน้ำมันอิหร่านปรับลดลงแล้วกว่า 30% หรือกว่า 600,000 บาร์เรล/วัน และมีโอกาสปรับลดลงถึงระดับ 1 ล้านบาร์เรล/วัน