นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังการประชุมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับยางพารา เพื่อหาแนวทางการบริหารโครงการรักษาเสถียรภาพราคายางว่า สถานการณ์ราคายางพาราขณะนี้มีการขยับตัวลดลงติดต่อกันมา 2-3 สัปดาห์แล้ว จึงได้มีการหารือกับคณะกรรมการบริหารโครงการ 15,000 ล้านบาท ผู้ประกอบการ เกษตรกร และสถาบันเกษตรกร ให้มีการปรับเปลี่ยนเงื่อนไขของโครงการใหม่ จากเดิมที่ให้เฉพาะสถาบันเกษตรกรที่มีสถานะเป็นนิติบุคคลเข้าร่วมโครงการกู้เงินกับทาง ธ.ก.ส.ในวงเงิน 15,000 ล้านบาท แต่ขณะนี้ได้ขยายให้วิสาหกิจชุมชน สมาคมชาวสวนยาง และกลุ่มเกษตรกรของ สกย. สามารถที่จะเข้าร่วมโครงการได้
สำหรับเรื่องของกลไกราคานั้น จะนำเอาราคาของตลาดกลางเฉลี่ย 3 ตลาด ได้แก่ นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานีและหาดใหญ่เป็นตัวตั้ง แล้วจึงบวกราคาซื้อในโครงการไปอีก 3 บาท ทั้งการรับซื้อยางแผ่นดิบชั้น 3 และยางแผ่นรมควัน ซึ่งในสัปดาห์หน้าก็จะยืนราคานี้อันเป็นราคานำตลาด ถ้าหากว่าในสัปดาห์หน้าราคาตลาดกลางดันตัวสูงขึ้น ราคาโครงการของยางทั้งสองประเภทก็จะขยับตัวหนีขึ้นไปให้ได้ส่วนต่างกิโลกรัมละ 3 บาท แต่ถ้าราคาของตลาดกลางปรับตัวลดลง เราก็ยังคงยืนอยู่ที่ราคาประกาศ ณ วันนี้ และจะยืนอย่างนี้ไปทั้งสัปดาห์ ตัวเลขจะอยู่ที่ประมาณ 91 บาทกว่า สำหรับยางแผ่นดิบ ชั้น 3 และประมาณ 94 บาทกว่าสำหรับยางแผ่นรมควัน อย่างไรก็ตาม จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายยางแห่งชาติ ในวันที่ 6 ก.ค.2555 นี้ เพื่อพิจารณามาตรการอื่นๆ เพิ่มเติมตามสถานการณ์ต่อไป