นายภักดีหาญส์ หิมะทองคำ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม. รับทราบกระทรวงพาณิชย์รายงานบทสรุปและผลการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อผลักดันการส่งออกของประเทศที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุมเมื่อวันที่ 3 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยมีหน่วยงานภาครัฐ สมาคมการค้าที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้ง ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ 65 แห่งทั่วโลกเข้าประชุมด้วย
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่ารัฐบาลตระหนักถึงความสำคัญของการส่งเสริมซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทย อีกทั้งภาคการส่งออกเผชิญความท้าทาย ทั้งปัจจัยภายนอกและปัจจัยภายในประเทศจึงได้มอบนโยบายและมาตรการผลักดันการส่งออก ดังนี้
1. การดำเนินการในระยะเร่งด่วน โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านเศรษฐกิจเตรียมการรับมือผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยเฉพาะการแก้ไขวิกฤตเศรษฐกิจยูโรโซน
2.การดำเนินการในระยะยาว โดยให้มีการหรือร่วมกันอย่างต่อเนื่องระหว่างกระทรวงพาณิชย์ ภาคเอกชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมมือหาตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะในอาเซียนควรอยู่ในห่วงโซ่อุปทานของผู้ประกอบการไทย รวมทั้งการย้ายฐานการผลิตและการจัดหาวัตถุดิบในกลุ่มประเทศอาเซียน ซึ่งอาศัยความได้เปรียบจากโครงสร้างภาษีที่เป็น 0 และต้องการให้มุ่งเน้นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าของไทย เพื่อให้ขายได้ในราคาที่สูงขึ้น ตลอดจนพัฒนาฝีมือแรงงานให้ตรงกับความต้องการของอุตสาหกรรม
ทั้งนี้ สรุปปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ได้ 6 ประเด็น คือ 1.ปัญหาการขาดสภาพคล่องทางการเงินโดยช่วงฟื้นฟูหลังน้ำท่วม 2.ปัญหาขาดแคลนแรงงาน 3.ปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบเพื่อการผลิต 4.ปัญหาการวิจัยและพัฒนาเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้าส่งออก 5.ปัญหาการเชื่อมโยงและพัฒนาระบบโลจิสติกส์ และ 6.ปัญหาด้านการตลาด
หลังทราบปัญหาต่างๆ แล้ว ได้มีแนวทางการแก้ไขปัญหาด้วยการตั้ง 5 คณะทำงาน ได้แก่ 1.คณะทำงานแก้ไขปัญหา อุปสรรคด้านการค้า และกฎระเบียบด้านภาษี 2.คณะกรรมการติดตามสถานการณ์และขับเคลื่อนการส่งออกไปตลาดในภูมิภาคยุโรป 3.คณะกรรมการแก้ไขปัญหา และผลักดันการส่งออกไปตลาดศักยภาพอื่นๆ 4.คณะทำงานส่งเสริมการสร้างฐานการผลิตในประเทศเพื่อนบ้านและการค้าชายแดน และ 5.คณะทำงานแก้ไขปัญหาและผลักดัน การส่งออกรายสินค้า ไม่ว่าจะเป็นอัญมณีและเครื่องประดับ อาหาร เกษตร สิ่งทอ และเครื่องนุ่งห่ม
พร้อมทั้งให้มีการจัดการประชุมอย่างต่อเนื่อง และดำเนินงานที่ได้รับมอบหมายให้แล้วเสร็จภายในปี 2555 นี้