นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง เปิดเผยว่า ข้อเรียกร้องของภาคเอกชนที่ต้องการให้มีการยกเว้นภาษีเงินได้จากการลงทุนใจต่างประเทศนั้น เห็นว่าต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ และให้ข้อสังเกตภาคเอกชนที่ควรไต่ตรองถึงสถานการณ์และวิธีการดำเนินการ เนื่องจากปัจจุบันกฎหมายไทยให้การยกเว้นภาษีเงินปันผลสำหรับบริษัทลูกในไทยของบริษัทจดทะเบียน และบริษัทลูกของบริษัทจำกัดที่ประกอบกิจการในไทยได้รับยกเว้นภาษีปันผล 50%
"การลงทุนในต่างประเทศส่งเงินกลับไทยหากได้รับยกเว้นภาษีเป็นเรื่องสมควรหรือไม่ เพราะในเมื่อประกอบกิจการในต่างประเทศ โดยอาศัยบริษัทในไทยในการประกอบธุรกิจ"นายกิตติรัตน์ กล่าว
นอกจากนี้ภาคเอกชนไทยหลายแห่งได้มีการตั้งบริษัทลูกในต่างประเทศ เพราะต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย เนื่องจากในหลายประเทศมีอัตราภาษีที่ต่ำกว่าไทย ดังนั้น หากให้มีการยกเว้นภาษีโดยที่ไทยยอมสละรายได้ภาษีนั้น คงต้องพิจารณาให้รอบคอบ และขณะนี้ไทยอยู่ระหว่างการลดภาษีเงินได้นิติบุคคลเหลือ 23%ในปีนี้ และจะลดเหลือ 20% ในปี 56
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลไม่ได้กังวลหากภาคเอกชนที่ไปลงทุนในต่างประเทศจะไม่ส่งเงินรายได้กลับประเทศ เพราะปัจจุบันรัฐบาลมีภาพคล่องมากเพียงพออีกหลายปี ทั้งที่เป็นเงินตราต่างประเทศและเงินบาท จึงไม่จำเป็นต้องรีบออกมาตรการดูดเงินต่างประเทศกลับเข้ามาในไทย เพราะยังมีเวลาศึกษาเรื่องนี้ทั้งข้อดีข้อเสีย เพราะประโยชน์ที่เกิดขึ้นจะต้องมีผลกระทบไม่มาก