ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ทบทวนปรับเพิ่มการประเมินภาวะเศรษฐกิจทั้งหมด 9 ภูมิภาคในประเทศ เมื่อเทียบกับในช่วง 3 เดือนก่อนหน้านี้ เนื่องจากอัตราการลงทุนทางธุรกิจและการอุปโภคบริโภคในภาคเอกชนกระเตื้องขึ้น
"หลายภูมิภาคของญี่ปุ่นระบุว่า เศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้นปานกลาง หรือกระเตื้องขึ้น ขณะที่บางภูมิภาคระบุว่าเศรษฐกิจยังคงอยู่ในภาวะชะงักงัน แต่ก็มีสัญญาณบ่งชี้ว่าจะกระเตื้องขึ้น" บีโอเจเปิดเผยในรายงาน
ในภูมิภาคทั้งหมด 9 ภูมิภาคนั้น มี 8 ภูมิภาคที่รายงานว่าตัวเลขการใช้จ่ายด้านทุนปรับตัวสูงขึ้น เพราะได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของผลประกอบการเอกชน ขณะที่ 7 ภูมิภาครายงานว่าอัตราการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนปรับตัวเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ทุกภูมิภาครายงานว่ายอดขายรถยนต์พุ่งขึ้นแข็งแกร่ง เนื่องจากมาตรการกระตุ้นด้านการคลังของรัฐบาล
นายมาซาอากิ ชิรากาวา ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) กล่าวในที่ประชุมผู้จัดการสาขาของบีโอเจรายไตรมาสในวันนี้ว่า เศรษฐกิจโลกยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอนอย่างมาก โดยระบุว่า เศรษฐกิจโลกยังคงได้รับผลกระทบจากวิกฤตหนี้สาธารณะในยุโรป การชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ และการขยายตัวที่ช้าลงของเศรษฐกิจในกลุ่มตลาดเกิดใหม่
นายชิรากาวากล่าวว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นส่งสัญญาณการฟื้นตัวปานกลางในช่วงที่ผ่านมา แต่ก็เตือนว่าระบบการเงินภายในประเทศยังไม่สามารถต้านทานกับวิกฤตที่เกิดขึ้นในยุโรปได้
"ความคืบหน้าต่อไปของปัญหาหนี้ยุโรปถือเป็นปัจจัยเสี่ยงที่เราจะต้องให้ความสนใจมากที่สุด และความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจทั่วโลกก็ยังคงอยู่ในระดับที่สูงมาก" นายชิรากาวากล่าว
นอกจากนี้ นายชิรากาวากล่าวว่า การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐเป็นประเด็นที่เขารู้สึกกังวล เมื่อพิจารณาจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ผันผวนในช่วงที่ผ่านมา ส่วนเศรษฐกิจในกลุ่มตลาดเกิดใหม่นั้น เขาก็เรียกร้องให้ทุกฝ่ายจับตาดูว่าประเทศกลุ่มนี้จะสามารถรักษาสมดุลด้านการเติบโตและเสถียรภาพด้านราคาควบคู่กันได้หรือไม่
ทั้งนี้ นายชิรากาว่ากล่าวว่า เศรษฐกิจทั่วโลกยังไม่สามารถหลุดพ้นจากภาวะชะลอตัวได้ ขณะที่เศรษฐกิจญี่ปุ่นซึ่งได้รับปัจจัยหนุนจากอุปสงค์ภายในประเทศที่แข็งแกร่งนั้น สามารถฟื้นตัวในระดับปานกลาง ส่วนการลงทุนด้านสาธารณะก็กำลังขยายตัวขึ้น ในขณะที่ตัวเลขการใช้จ่ายด้านทุนมีแนวโน้มขยายตัวปานกลาง อันเนื่องมาจากรายได้ในภาคเอกชนที่ฟื้นตัวขึ้น
ถ้อยแถลงของนายชิรากาวามีขึ้นหลังจากผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) อนุมัติให้ธนาคารของยูโรโซนได้รับการเพิ่มทุนโดยตรงจากกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF) และกองทุนกลไกรักษาเสถียรภาพยุโรป (ESM) นอกจากนี้ ที่ประชุมบรรลุยังได้บรรลุข้อตกลงกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการจ้างงานในยุโรป วงเงิน 1.20 แสนล้านยูโร หรือ 1.50 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะยาว รวมทั้งส่งเสริมการขยายตัวด้านการลงทุน เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของยุโรป