สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเกือบทุกสกุลเงินหลัก เนื่องจากรายงานตัวเลขจ้างงานที่น่าผิดหวังผลักดันให้นักลงทุนเทขายสินทรัพย์เสี่ยง เช่น หุ้น แล้วหันมาถือครองดอลลาร์ที่มีความปลอดภัยกว่า
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้น 0.73% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 0.9763 ฟรังค์ จากระดับ 0.9692 ฟรังค์ และแข็งค่าขึ้น 0.39% เมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดาที่ 1.0178 จากระดับ 1.0138 ดอลลาร์ แต่ลดลง 0.33% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 79.610 เยน จากระดับ 79.870 เยน
ค่าเงินยูโรร่วงลง 0.77% แตะที่ 1.2296 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.2392 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ขยับลง 0.23% แตะที่ 1.5488 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5524 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับตัวลดลง 0.63% แตะที่ 1.0222 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0287 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์อ่อนค่าลง 0.62% แตะที่ 0.7984 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8034 ดอลลาร์สหรัฐ
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 80,000 ตำแหน่ง ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 90,000-100,000 ตำแหน่งโดยประมาณ ขณะที่อัตราว่างงานทรงตัวที่ระดับ 8.2% ซึ่งสอดคล้องกับคาดการณ์ส่วนใหญ่
ตัวเลขจ้างงานเดือนมิ.ย.นับเป็นสัญญาณล่าสุดที่บ่งชี้ว่าการฟื้นตัวของตลาดแรงงานสหรัฐกำลังอ่อนแรง ขณะที่การขยายตัวทางเศรษฐกิจชะลอตัว โดยถึงแม้ว่าตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 21 ติดต่อกันแล้ว แต่อัตราขยายตัวยังคงต่ำกว่า 100,000 ตำแหน่งเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน
อย่างไรก็ตาม ในขณะเดียวกัน ข้อมูลที่อ่อนแอเกี่ยวกับตลาดแรงงานสหรัฐก็ได้เพิ่มกระแสคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐอาจจะผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติม ซึ่งการคาดการณ์ดังกล่าวได้จำกัดช่วงขาขึ้นของสกุลเงินดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐในตะกร้าสกุลเงิน ปรับตัวขึ้น 0.619 แตะ 83. 561
ด้านสกุลเงินยูโรยังคงอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ธนาคารกลางยุโรปมีมติลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ระดับต่ำเป็นประวัติการณ์ในการประชุมเมื่อวันพฤหัสบดี ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีของสเปนพุ่งขึ้นเหนือระดับ 7% ซึ่งเป็นระดับที่อันตราย สะท้อนว่านักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับความสามารถของสเปนในการชำระหนี้