กระทรวงการคลังของญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ยอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดของญี่ปุ่นลดลง 62.6% ในเดือนพฤษภาคม เมื่อเทียบกับปีก่อน มาอยู่ที่ 2.151 แสนล้านเยน
ทั้งนี้ ยอดดุลการชำระเงินระหว่างประเทศถือเป็นหนึ่งในมาตรวัดที่กว้างที่สุดในด้านการค้าระหว่างประเทศของญี่ปุ่น
รายงานในเบื้องต้นของกระทรวงระบุว่า ดุลการการชำระเงินค่าสินค้าของญี่ปุ่นอยู่ที่ขาดดุล 8.482 แสนล้านเยนในเดือนพฤษภาคม
มูลค่าการส่งออกสินค้ามีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเพิ่มขึ้น 11.3% สู่ระดับ 5.0542 ล้านล้านเยน และเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน แต่อย่างไรก็ดี มูลค่าการนำเข้ามีจำนวนที่สูงกว่า โดยเพิ่มขึ้น 11.1% แตะที่ 5.9025 ล้านล้านเยน และเพิ่มขึ้นติดต่อกันมานานกว่า 2 ปี ส่งผลให้ญี่ปุ่นมียอดขาดดุลมูลค่า 8.482 แสนล้านดอลลาร์
หากแบ่งตามหมวดสินค้าพบว่า มูลค่าส่งออกชิ้นส่วนรถยนต์ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงที่สุดเพราะได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ ในขณะที่การนำเข้าแหล่งพลังงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งก๊าซธรรมชาติเหลว ยังคงมีน้ำหนักส่วนใหญ่ในดุลบัญชีเดินสะพัด
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า บริษัทไฟฟ้าของญี่ปุ่นได้เพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าจากความร้อนเพื่อชดเชยพลังงานจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ของประเทศ ท่ามกลางความวิตกกังวลในเรื่องความปลอดภัยอันเป็นผลมาจากวิกฤตโรไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกุชิม่า ไดอิจิ ที่ได้รับความเสียหายจากเหตุสึนามิในปีที่ผ่านมา ในขณะที่กระทรวงการคลังระบุว่า ปริมาณนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลวจำนวนมากมีแนวโน้มที่จะลดลงในช่วงครึ่งหลังของปี