สื่อภายในประเทศอินโดนีเซียรายงานว่า กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เรียกร้องให้รัฐบาลอินโดนีเซียให้ความสำคัญมากขึ้นต่อพันธสัญญาในการพัฒนาสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน
นายซานจายา พานธ์ ผู้บริหารไอเอ็มเอฟประจำภาคพื้นเอเชียและแปซิฟิก กล่าวว่า ปัจจัยหลักที่ยับยั้งไม่ให้อินโดนีเซียเร่งพัฒนาสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานของประเทศคือ การที่เจ้าหน้าที่รัฐบาลขาดศักยภาพ
นายซานจายากล่าวเพิ่มเติมว่า "ในส่วนของรัฐบาลนั้น มีปัญหาด้านศักยภาพ การดำเนินงานมักจะอยู่ในระดับต่ำมาก ดังนั้น จึงควรดำเนินความพยายามมากขึ้น" โดยตั้งข้อสังเกตว่า ภาคเอกชนได้รอคอยมาเป็นเวลานานเกินไปแล้วเพื่อให้มีการดำเนินการกฎหมายซื้อที่ดิน
หนังสือพิมพ์จาการ์ต้า โพสต์ รายงานว่า กฎหมายดังกล่าวจะสร้างความชัดเจนมากขึ้นสำหรับการซื้อที่ดินเพื่อหนุนโครงการสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล การซื้อที่ดินเป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดในการพัฒนาสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ขณะที่ภาคธุรกิจระบุว่าการได้สิทธิเหนือที่ดินเทียบเท่ากับว่าโครงการสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานได้สำเร็จลุล่วงไปแล้วราว 75-85%
เมื่ออิงกับกฎหมายดังกล่าว ข้อพิพาทเกี่ยวกับการซื้อที่ดินต้องยุติภายในกรอบเวลา 436 วันเป็นอย่างช้าที่สุด นี่ถือเป็นองค์ประกอบที่ได้รับการปรับปรุงมากขึ้นในกฎหมายดังกล่าว เนื่องจากก่อนหน้านี้ ข้อพิพาทเกี่ยวกับการซื้อที่ดินบางครั้งต้องใช้เวลานานหลายปีกว่าจะมีการยุติลง
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลอินโดนีเซียได้ให้คำมั่นที่จะเร่งพัฒนาด้านสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน และได้มีเปิดตัวแผนแม่บทสำหรับการกระตุ้นและการขยายตัวทางเศรษฐกิจของอินโดนีเซีย สำนักข่าวซินหัวรายงาน