สกุลเงินยูโรดีดตัวขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (9 ก.ค.) ซึ่งเป็นการดีดตัวทางเทคนิค อย่างไรก็ตาม ยูโรยังคงได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกและวิกฤตหนี้ยุโรป
ค่าเงินยูโรดีดตัวขึ้น 0.22% แตะที่ 1.2314 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.2287 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ค่าเงินปอนด์พุ่งขึ้น 0.23% แตะที่ 1.5523 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5488 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลง 0.09% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 79.570 เยน จากระดับ 79.640 เยน และร่วงลง 0.23% เมื่อเทียบกับเงินฟรังค์สวิสที่ 0.9750 ฟรังค์ จากระดับ 0.9772 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนตัวลง 0.09% แตะที่ 1.0199 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0208 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์อ่อนตัวลง 0.05% แตะที่ 0.7959 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7963 ดอลลาร์สหรัฐ
แม้สกุลเงินยูโรดีดตัวขึ้นทางเทคนิค แต่ยูโรยังคงได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกและวิกฤตหนี้ยุโรป โดยญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อเครื่องจักรเดือนพ.ค.ร่วงลง 14.8% แตะ 6.719 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นการปรับตัวลงหนักสุดในรอบกว่า 7 ปี ขณะที่จีนเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ขยายตัว 2.2% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2553 สะท้อนให้เห็นถึงเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงของจีน
ความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตหนี้ยุโรปยังเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่สร้างแรงกดดันให้กับสกุลเงินยูโรด้วย โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสเปนอายุ 10 ปีพุ่งเหนือ 7% ซึ่งถือเป็นระดับที่ไม่สามารถบริหารจัดการได้ในระยะยาว ขณะที่ผลตอบแทนพันธบัตรอิตาลีดีดตัวขึ้นเหนือ 6% ในการประมูลพันธบัตรเมื่อวานนี้
นักลงทุนจับตาการประชุมรมว.คลังยูโรโซนซึ่งเริ่มขึ้นเมื่อวานนี้ที่กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม โดยคาดว่าที่ประชุมจะหาลู่ทางในการช่วยกอบกู้วิกฤตเศรษฐกิจของสเปน ขณะเดียวกันคาดว่ามาตรการการปล่อยเงินกู้เพื่อช่วยเหลือภาคธนาคารของสเปนจะมีความคืบหน้ามากขึ้น และคาดว่าที่ประชุมจะผ่อนปรนเป้าหมายด้านการเงินของรัฐบาลสเปนเช่นกัน
นายไซมอน โอคอนเนอร์ โฆษกสหภาพยุโรป (อียู) เปิดเผยว่า 17 ชาติสมาชิกยูโรโซนได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะจัดหาเงินกู้ให้กับภาคธนาคารของสเปนมูลค่าสูงถึง 1 แสนล้านยูโร (1.24 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) อย่างไรก็ตาม วงเงินกู้ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดจนกว่าจถึงเดือนก.ย.ปีนี้ เนื่องจากต้องรอการตรวจสอบสถานะการเงินของธนาคารเหล่านี้ก่อน
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศยุโรปในวันนี้ รวมถึงผลผลิตภาคอุตสาหกรรมฝรั่งเศสเดือนพ.ค., ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมอิตาลีเดือนพ.ค., ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมอังกฤษเดือนพ.ค. และข้อมูลการค้าระหว่างประเทศของอังกฤษเดือนพ.ค.