นายกรัฐมนตรีเหวิน เจียเป่าของจีนกล่าวว่า การหนุนเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตอย่างมีเสถียรภาพ ถือเป็นประเด็นเร่งด่วนที่สุดในขณะนี้
นาวเหวินกล่าวในระหว่างพบตัวแทนจากสถาบันและบริษัทด้านการวิจัยว่า นโยบายและมาตรการสร้างเสถียรภาพให้แก่การขยายตัวทางเศรษฐกิจนั้นประกอบด้วย การกระตุ้นการบริโภค การสร้างความหลากหลายในการส่งออก และการส่งเสริมการลงทุน
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า จีนมุ่งเน้นการลงทุนเพื่อส่งเสริมการขยายตัวทางเศรษฐกิจภายหลังประเทศถูกท้าท้ายด้วยปัจจัยความต้องการจากนอกประเทศที่ลดลงอย่างหนัก และอัตราการขยายตัวด้านการบริโภคในประเทศที่ชะลอตัวลง
--สำนักงานศุลกากรของจีน (GAC) เปิดเผยว่า ยอดส่งออกของจีนเพิ่มขึ้น 11.3% เมื่อเทียบรายปี แตะที่ 1.8021 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนมิ.ย. แต่ยังน้อยกว่าเดือนพ.ค.ที่สามารถขยายตัว 15.3% ขณะที่ยอดการนำเข้าเพิ่มขึ้น 6.3% เป็น 1.4848 แสนล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบกับที่เพิ่มขึ้น 12.7% ในเดือนพ.ค.
GAC ระบุว่า มูลค่าการค้าระหว่างประเทศของจีนชะลอตัวลงเพราะได้รับผลกระทบจากวิกฤติการเงินโลก โดยระบุว่า การค้าระหว่างจีนและสหภาพยุโรป (อีย) และกับญี่ปุ่นแทบจะไม่มีการขยายตัวในช่วงครึ่งปีแรก
--นายหวัง เชา รมช.พาณิชย์ของจีนกล่าวในการแถลงข่าวว่า จีนได้เปรียบในภาพรวมจากการดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) โดยคาดว่าการลงทุนจากต่างประเทศของจีนจะเพิ่มขึ้นในอัตราคงที่ในปีนี้
"แม้จีนจะเผชิญกับสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อน แต่โดยรวมจีนยังค่อนข้างได้เปรียบอย่างแข็งแกร่งทั้งในระยะกลางและระยะยาว" นายหวังกล่าว
"รัฐบาลจีนพยายามครั้งใหญ่เพื่อพัฒนาสภาพแวดล้อมการลงทุน และบริษัทต่างประเทศในจีนส่วนใหญ่มีความเชื่อมั่นต่อตลาดจีน" นายหวังกล่าว