HSBCเผยผจก.กองทุนมอง Q3/55การลงทุนตลาดหุ้นสดใสขึ้น-ยังให้น้ำหนักเอเชีย

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday July 11, 2012 11:18 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ธนาคารเอชเอสบีซี เผยผลการสำรวจแนวโน้มการลงทุนของผู้จัดการกองทุนครั้งล่าสุด พบว่า ผู้จัดการกองทุนทั่วโลกเตรียมโยกเงินลงทุนจากตลาดพันธบัตรไปยังตลาดหุ้นในไตรมาส 3/55 และไม่มีแผนจะลดการลงทุนกองทุนหุ้นในตลาดเอเชีย

ทั้งนี้ จากการสำรวจพบว่าในไตรมาส 3/55 มีจำนวนผู้จัดการกองทุนเพิ่มขึ้นที่ให้ความสนใจลงทุนในหุ้น โดยร้อยละ 40 ให้น้ำหนักลงทุนในหุ้นมากขึ้น (overweight) ซึ่งเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนที่มีเพียงร้อยละ 25 ขณะที่มีผู้จัดการกองทุนเพียงร้อยละ 10 ลดลงจากร้อยละ 25 ของไตรมาส 2/55 ที่เห็นว่าหุ้นไม่น่าสนใจ

ผู้จัดการกองทุนเริ่มใช้ความระมัดระวังในการลงทุนในตลาดพันธบัตร หลังจากที่พันธบัตรบางประเภทมีมูลค่าสูงเกินกว่ามูลค่าพื้นฐาน เนื่องจากมีกระแสเงินไหลเข้าลงทุนในตลาดพันธบัตร เพื่อลงทุนในสินทรัพย์ที่ปลอดภัยและมีความเสี่ยงต่ำ โดยในไตรมาส 3 ปีนี้ มีร้อยละ 30 ที่เห็นว่าควรลดการลงทุนในพันธบัตร จากไตรมาสก่อนที่ไม่มีรายใดเลยที่ปรับลดการลงทุน ขณะที่มีผู้จัดการกองทุนเพียง 1 ใน 10 ราย หรือร้อยละ 10 ที่ยังมองว่าการลงทุนในพันธบัตรให้ผลตอบแทนที่ดี

สำหรับกลยุทธ์การถือครองเงินสด พบว่า มีจำนวนผู้จัดการกองทุนเพิ่มขึ้นที่มองเป็นกลาง คิดเป็นร้อยละ 56 ซึ่งเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 50 ในไตรมาส 2/55 สะท้อนว่าผู้จัดการกองทุนมองภาพรวมการลงทุนในตลาดค่อนข้างเป็นบวก

นายวินีต โวฮ์รา ผู้อำนวยการบริหารระดับภูมิภาค ฝ่ายการพัฒนาความมั่งคั่ง ธนาคารเอชเอสบีซี ประจำภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก กล่าวว่า ผลการสำรวจสะท้อนว่าผู้จัดการกองทุนทั่วโลกเริ่มรู้สึกมั่นใจในการลงทุนมากขึ้น โดยคลายความกังวลต่อการล่มสลายของสกุลเงินยูโรลงไปบ้าง และเริ่มเห็นโอกาสการลงทุนในตลาดหุ้น ซึ่งมีมูลค่าอยู่ในระดับที่น่าสนใจลงทุน

ผู้จัดการกองทุน 7 ใน 10 รายเห็นว่าตลาดหุ้นอเมริกาเหนือน่าลงทุน เป็นเพราะเศรษฐกิจของอเมริกาเหนือค่อนข้างแข็งแกร่ง ในขณะที่ผู้จัดการกองทุนครึ่งหนึ่งให้น้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นยุโรป(ไม่รวมสหราชอาณาจักร) โดยผู้จัดการกองทุนเริ่มให้ความสนใจลงทุนในตลาดหุ้นเอเชียมากขึ้น โดยร้อยละ 40 สนใจลงทุนในตลาดหุ้นเอเชีย แปซิฟิก (ไม่รวมญี่ปุ่น) และร้อยละ 50 สนใจลงทุนในตลาดหุ้นในกลุ่มประเทศจีน (Greater China) และไม่มีรายใดเลยที่ปรับลดการลงทุนในกองทุนหุ้นตลาดเอเชีย

นายอีริค ฟู ผู้อำนวยการบริหาร ฝ่ายการพัฒนาความมั่งคั่ง และธุรกิจลูกค้ารายย่อยและบริหารความมั่งคั่ง ธนาคารเอชเอสบีซี ฮ่องกง กล่าวเพิ่มเติมว่า ผลการสำรวจระบุถึงภูมิภาคหลายแห่งที่มีโอกาสเติบโตสูง และนักลงทุนยังคงต้องการลงทุนในตลาดหุ้นเอเชีย แปซิฟิก โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดหุ้นในกลุ่มประเทศจีน เนื่องจากคาดว่าจีนจะมีการผ่อนคลายนโยบายการเงินและออกมาตรการกระตุ้นด้านการคลัง ในขณะที่ผู้จัดการกองทุนส่วนใหญ่มองว่าการลงทุนในตลาดหุ้นอเมริกาเหนือให้ผลตอบแทนที่ดี อันเป็นผลมาจากตลาดมีผลประกอบการดีและมีสัญญาณการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ

ในด้านตลาดพันธบัตร การลงทุนในพันธบัตรที่ให้ผลตอบแทนสูง (high yield bonds) ยังครองความนิยมสูงสุด โดยร้อยละ 80 ของผู้จัดการกองทุนให้น้ำหนักการลงทุนในพันธบัตรที่ให้ผลตอบแทนสูง เนื่องจากนักลงทุนยังคงมองหาผลตอบแทนที่ดี ในภาวะดอกเบี้ยต่ำ โดยผู้จัดการกองทุนทุกรายต่างมองว่าตลาดพันธบัตรยุโรปยังอยู่ในภาวะซบเซา และไม่น่าลงทุน เช่นเดียวกับไตรมาสก่อน เป็นเพราะว่าปัญหาวิกฤตหนี้ในยูโรโซนที่ยังไม่มีวี่แววว่าจะคลี่คลาย

การเคลื่อนย้ายเงินทุนทั่วโลก ในไตรมาส 1/55 ปริมาณเงินลงทุนภายใต้การบริหารจัดการ (fund under management) ของบริษัทจัดการกองทุนชั้นนำของโลกจำนวน 14 แห่ง ที่ร่วมในการสำรวจ ณ สิ้นไตรมาส 1/55 มีมูลค่าทั้งสิ้น 4.36 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.3 จากไตรมาสที่แล้ว

ผลสำรวจพบว่า ในไตรมาส 1/55 กองทุนที่ลงทุนในหุ้น มีเงินไหลออกสุทธิมูลค่า 13.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นการไหลออกอย่างต่อเนื่องนับเป็นไตรมาสที่ 7 เนื่องจากนักลงทุนยังคงกังวลกับเสถียรภาพการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ และวิกฤติหนี้ยุโรปที่ยังไม่สามารถแก้ไขได้ นักลงทุนจึงมองหาการลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนคงที่ (fixed income assets) เพื่อป้องกันความเสี่ยง เป็นผลให้กองทุนที่ลงทุนในพันธบัตรมีเงินไหลเข้าสุทธิ มูลค่า 68.7 พันล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาสที่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการไหลเข้าลงทุนในพันธบัตรทั่วโลกและพันธบัตรตลาดเกิดใหม่ที่ให้ผลตอบแทนสูง

สำหรับบริษัทจัดการกองทุนทั้ง 14 แห่งที่ร่วมในการสำรวจครั้งนี้ ได้แก่ AllianceBernstein, Allianz Global Investors, Baring Asset Management, BlackRock, Eastspring Investments, Fidelity Investment Management, Franklin Templeton Investments, HSBC Global Asset Management, Invesco Asset Management, Investec Asset Management, J.P. Morgan Asset Management, PIMCO, Schroders Investment Management และ Societe Generale

ปริมาณเงินลงทุนภายใต้การบริหารจัดการของผู้จัดการกองทุนในการสำรวจครั้งนี้ มีมูลค่า 4.36 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 17 ของปริมาณเงินลงทุนภายใต้การบริหารจัดการทั้งหมดทั่วโลก โดยข้อมูลจาก Investment Company Institute ระบุว่า ปริมาณเงินลงทุนทั้งหมดทั่วโลก ณ สิ้นไตรมาส 4/54 มีมูลค่า 23.78 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ