นายสมชาย พรจินดารัตน์ ประธานสมาพันธ์อัญมณีเครื่องประดับและโลหะมีค่าแห่งประเทศไทย กล่าวในงานสัมมนาเรื่อง"วิกฤติเศรษฐกิจยุโรปและจีน:ผลกระทบเศรษฐกิจโลกและภาคการส่งออกของไทย"ว่า การส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับของไทยได้รับผลกระทบจากวิกฤติยุโรปแล้ว โดยยอดการส่งออกในช่วง 5 เดือนแรกติดลบเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และยังถูกคู่แข่งชิงส่วนแบ่งการตลาดไปด้วย
สินค้าอัญมณีและเครื่องประกับของไทยเคยมีส่วนแบ่งการตลาด(มาร์เก็ตแชร์)ในยุโรปค่อนข้างมาก เพราะมีประสิทธิภาพการผลิตเป็นที่ยอมรับของต่างประเทศ ทั้งนี้ ไทยมียอดการส่งออกเครื่องประดับเป็นอันดับหนึ่งของโลก และมียอดส่งออกพลอยสีเป็นอันดับ 3 ของโลก โดยยอดส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับ 3.7 แสนล้านบาทในปี 54
แต่ในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ ไทยมียอดส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับลดลงเหลือ 3,200 ล้านเหรียญสหรัฐ และมาร์เก็ตแชร์ในตลาดโลกลดลงเหลือ 2.6% ลดลงมาเช่นกัน ขณะที่ประเทศคู่แข่งเริ่มส่งออกได้มากขึ้น โดยเฉพาะอินเดีย
นายสมชาย กล่าวว่า ขณะนี้หลายประเทศเริ่มเห็นความสำคัญของอุตสาหกรรมนี้ จึงมีการลดกำแพงภาษีลง อย่างเช่น อินเดียลดภาษีนำเข้าวัตถุดิบเหลือแค่ 1% ทั้งที่ในอดีตกีดกันด้วยมาตรการด้านภาษี อีกทั้งประเทศเพื่อนบ้านก็เริ่มลดกำแพงภาษีลงแล้วทั้งมาเลเซียและอินโดนีเซีย
ดังนั้น หากรัฐบาลเห็นว่าอุตสาหกรรมนี้มีประโยชน์จะต้องช่วยสนับสนุน เพราะหากวันนี้ไม่ได้รับการอัดฉีดจากรัฐ อุตสาหกรรมนี้ก็จะเหี่ยวตายไปในเวทีโลก ซึ่งยอมรับว่าการแก้ไขปัญหาในไทยถือว่าเป็นเรื่องยาก เพราะกฎหมายที่เกี่ยวกับอัญมณีเป็นกฎหมายเก่า ขณะที่ประเทศไทยก็ขาดแคลนวัตถุดิบในการผลิต ต้องนำเข้ามาเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งทางสมาพันธ์ได้ยื่นเรื่องไปที่กระทรวงการคลังให้พิจารณาลดภาษีนำเข้าวัตถุดิบแล้ว
พร้อมกันนั้น ก็ยังต้องเร่งหาตลาดใหม่ ๆ มาทดแทนตลาดหลัก เช่น ละตินอเมริกา รัสเซีย และประเทศในกลุ่ม AEC ขณะที่จะต้องรักษาฐานตลาดเก่าไว้
"ความพร้อมของไทยเรื่องอัญมณี เราสู้เขาได้เรื่องดีไซน์-โนวฮาว แต่ไทยก็ต้องรับมือและปรับตัวกับสถานการณ์ ไทยเองก็มีสถาบันหลักที่พร้อมจะผลักดันอัญมณีไปสู่การเป็นเกตเวย์ของภูมิภาคได้ "นายสมชาย กล่าว