นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลกระทบของคำตัดสินศาลธรรมนูญเกี่ยวกับการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญวันพรุ่งนี้(13 ก.ค.) ที่จะมีต่อเศรษฐกิจไทยว่า ได้ประเมินผลกระทบของการตัดสินดังกล่าวตามแนวทางที่มีการคาดการณ์ไว้ 3 แนวทางคือ 1.การยกคำร้อง 2.การตัดสินยุบพรรคการเมือง และ 3.การแก้ไขบางมาตรา
โดยหากศาลมีคำตัดสินตามแนวทางแรกคือยกคำร้อง จะทำให้เสถียรภาพของรัฐบาลไม่ถูกสั่นคลอน การดำเนินนโยบายของรัฐบาลยังคงเดินหน้าต่อไปเหมือนเดิม แต่ต้องจับตาการชุมนุมประท้วงทางการเมือง หากไม่มีการประท้วงหรือมีแต่ไม่รุนแรงก็จะไม่กระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจ คาดว่าปีนี้จะทำให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้แน่ 5%
แต่หากเป็นแนวทางที่ 2 คือ ศาลตัดสินให้มีการยุบพรรคการเมือง ก็จะก่อให้เกิดการชุมนุมประท้วงคัดค้านทันที ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ จนส่งผลให้เกิดการถอนทุนออกจากประเทศไทย ภาคการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบ รัฐบาลขาดเสถียรภาพ นโยบายต่างๆ ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจต้องหยุดชะงัก และเกิดสูญญากาศในการทำงาน ประชาชนขาดความเชื่อมั่นในการบริโภค ประกอบกับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลก จึงคาดว่าน่าจะทำให้เศรษฐกิจปีนี้ขยายตัวได้เพียง 4-4.5% เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม หากศาลตัดสินในแนวทางที่ 3 คือให้แก้ไขรัฐธรรมนูญบางมาตรา รัฐบาลยังคงมีเสถียรภาพต่อไป แต่ก็มีความเสี่ยงว่ามาตราที่จะให้แก้ไขนั้นจะก่อให้เกิดความขัดแย้งทางการเมืองหรือไม่ และอาจเกิดการชุมนุมประท้วงนอกสภาฯ ซึ่งจะกระทบต่อเศรษฐกิจได้ แต่ถ้าไม่มีการประท้วงที่รุนแรง เศรษฐกิจไทยปีนี้ก็น่าจะโตได้เกิน 5.5%