นายวอร์เรน บัฟเฟตต์ มหาเศรษฐกิจนักลงทุนชื่อดังของสหรัฐ กล่าวให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ CNBC ว่า เขายังคงเชื่อมั่นในความสามารถของนายเจมี ไดมอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค โดยกล่าวว่านายไดมอนเป็นหนึ่งในนายธนาคารที่ดีที่สุดในโลก เพราะมีความเข้าใจด้านการธนาคารและความเสี่ยงเป็นอย่างดี
การแสดงความเชื่อมั่นของบัฟเฟตต์ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นของเจพีมอร์แกนนั้น มีขึ้นเพียงวันเดียวก่อนที่เจพีมอร์แกนจะเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาส และช่วยให้ตลาดคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับการขาดทุนด้านเทรดดิ้งเป็นวงเงินสูงถึง 2 พันล้านดอลลาร์ของเจพีมอร์แกน ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ที่สุดในสหรัฐ อันเนื่องมาจากการเก็งกำไรที่ผิดพลาดในตราสารอนุพันธ์ของ Chief Investment Office ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านบริหารความเสี่ยงของเจพี มอร์แกน
นายไดมอนยอมรับกับผู้สื่อข่าวภายหลังจากออกแถลงการณ์เรื่องการขาดทุนดังกล่าวว่า การขาดทุนครั้งนี้มีสาเหตุมาจาก "ความผิดพลาด ความประมาท และการตัดสินใจที่ไม่ถูกต้อง"
ข่าวการขาดทุนของเจพีมอร์แกนในครั้งนั้นส่งผลให้ราคาเจพีมอร์แกนร่วงลงอย่างหนัก และทางบริษัทได้ตัดสินใจระงับแผนการซื้อคืนหุ้น จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ว่าจะซื้อคืนหุ้นมูลค่า 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ไปจนถึงปลายไตรมาสแรกของปี 2556 ในช่วงปลายเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา มูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของเจพีมอร์แกนลง 2 ขั้น เช่นเดียวกับมอร์แกน สแตนลีย์, ซิตี้กรุ๊ป และโกลด์ แมนแซคส์ โดยมูดีส์กล่าวว่า ธนาคารทุกแห่งที่ถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือในครั้งนี้ล้วนแล้วแต่มีความเสี่ยงสูงที่จะขาดทุนจากการลงทุนในตลาดทุน นอกจากนี้ แนวโน้มของศักยภาพในการทำกำไรระยะยาวและการเติบโตของธนาคารทั้ง 15 แห่ง ก็ลดน้อยลงด้วย