สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐดีดตัวขึ้นแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (12 ก.ค.) เนื่องความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกทำให้นักลงทุนแห่ถือครองดอลลาร์ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.32% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9838 ฟรังค์ จากระดับ 0.9807 ฟรังค์ แต่ร่วงลง 0.56% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 79.280 เยน จากระดับ 79.730 เยน
ค่าเงินยูโรร่วงลง 0.27% แตะที่ 1.2204 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.2237 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินปอนด์ร่วงลง 0.44% แตะที่ 1.5433 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5501 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 1.13% แตะที่ 1.0137 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0253 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ร่วงลง 0.90% แตะที่ระดับ 0.7902 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7974 ดอลลาร์สหรัฐ
ความวิตกกังวลเรื่องการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกมีขึ้นหลังจากธนาคารกลางเกาหลีใต้ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% มาอยู่ที่ระดับ 3% ซึ่งเป็นการปรับลดดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 13 เดือน และธนาคารกลางบราซิลประกาศลดอัตราดอกเบี้ย 0.5% สู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 8.00% ใน ซึ่งเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยติดต่อกันในการประชุม 8 ครั้ง สะท้อนให้เห็นว่าธนาคารกลางทั้งสองวิตกกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจอย่างมาก
นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลต่อสถานการณ์เศรษฐกิจในออสเตรเลีย หลังจากสำนักงานสถิติออสเตรเลีย (ABS) เปิดเผยว่า ตัวเลขจ้างงานเดือนมิ.ย.ลดลง 27,000 คน มาอยู่ที่ระดับ 11,500,500 คน ขณะที่อัตราว่างงานของออสเตรเลียเพิ่มขึ้นแตะ 5.2% ในเดือนมิ.ย.
สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐได้รับแรงหนุนหลังจากสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกสัปดาห์ที่แล้วที่ลดลง 26,000 ราย ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.ปีนี้ มาอยู่ที่ 350,000 ราย และเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2551
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของจีนในช่วงเช้าวันนี้ตามเวลาไทย รวมถึงตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 2 และจะเปิดเผยผลผลิตภาคอุตสาหกรรม, ตัวเลขการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร และยอดค้าปลีก ขณะที่นักวิเคราะห์หลายคนคาดการณ์ว่า จีดีพีไตรมาส 2 ของจีนจะขยายตัวต่ำกว่า 8% เนื่องจากตลาดทั้งภายในและต่างประเทศซบเซาลงอย่างมาก
นอกจากนี้ จับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในคืนนี้ตามเวลาไทย โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนมิ.ย. และรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือนก.ค.