นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กล่าวว่า ตามที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ(IMF) ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะขยายตัวได้ 5-6% นั้น ก็มีความเป็นไปได้ แต่โดยส่วนตัวแล้วยังเชื่อว่าจะขยายตัวได้ถึง 7% ประกอบกับมองว่าการเมืองไทยยังมีเสถียรภาพ ซึ่งเป้าหมายดังกล่าวมุ่งหวังเพื่อให้การทำงานมีเป้าหมาย แม้หลายหน่วยงานจะคาดว่าเศรษฐกิจปีนี้จะโตแค่ 6% ก็ตาม ขณะที่ในปี 56 มองว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตแบบ V shape โดยคาดว่าจะโตได้ถึง 7%
"ผมยังมั่นใจว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะโตได้ 7% โดยยังเชื่อว่าเสถียรภาพการเมืองยังดี" นายกิตติรัตน์ ระบุ
ทั้งนี้ การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน 2.27 ล้านล้านบาท เป็นการวางโครงสร้างในระยะ 7 ปี ซึ่งคงไม่มีงานก่อสร้างใดที่จะรองรับการลงทุนขนาดใหญ่ทั้งหมดนี้ได้ในเวลารวดเร็ว แต่ถือเป็นการจัดวางงบประมาณให้เห็นชัดเจนถึงการลงทุนของรัฐบาลต่อความจำเป็นในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งระบบน้ำ ระบบคมนาคม ระบบราง สนามบิน และยืนยันว่าประเทศไทยมีความพร้อม ทั้งในแง่ของสกุลเงินบาทและสกุลต่างประเทศ
ส่วนกรณีที่ภาคีเครือข่ายต่อต้านการคอรัปชั่น ออกมาระบุว่า พบการทุจริตในโครงการบริหารจัดการน้ำวงเงิน 3.5 แสนล้านบาท โดยหักหัวคิวในการใช้จ่ายงบประมาณ 45% นั้น นายกิตติรัตน์ ยืนยันว่า หากพบจะดำเนินการขั้นเด็ดขาด แต่ขณะนี้รัฐบาลยังไม่ได้รับข้อมูลการตรวจสอบจากหน่วยงานดังกล่าว
ขณะเดียวกัน การใช้งบประมาณในการบริหารจัดการน้ำขณะนี้ได้อนุมัติโครงการเร่งด่วนไปแล้วมูลค่าเพียง 3 หมื่นล้านบาท ส่วนวงเงินที่เหลือยังอยู่ในขั้นตอนการประมูลโครงการ ซึ่งผู้มีสิทธิเข้าประมูลเป็นองค์กรที่มีความน่าเชื่อถือสูง เพราะหากเป็นองค์กรต่างประเทศจะต้องได้รับการรับรองจากสถานทูตของประเทศนั้นๆ ก่อน ดังนั้นจึงมองว่าโอกาสทุจริตคงเกิดขึ้นได้น้อย