รมว.อุตสาหกรรม เผยเตรียมนำคณะร่วมเดินทางไปกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไปเชิญชวนและสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุน ณ กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี และกรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส ระหว่างวันที่ 17-21 ก.ค.นี้ โดยนำเสนอโอกาสทางธุรกิจในไทยจากการรวมตัวเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC) ให้กับบริษัทชั้นนำในยุโรป
"แม้ว่าสหภาพยุโรปกำลังเผชิญหน้ากับวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจ แต่ประเทศเยอรมนีและฝรั่งเศสซึ่งเป็นเศรษฐกิจหลักของยุโรปก็ยังเป็นประเทศเป้าหมายในการชักชวนให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย และศักยภาพทางเศรษฐกิจของไทยและการอัตราการเติบโตของอาเซียนก็เป็นปัจจัยที่บริษัทจากยุโรปน่าจะให้ความสนใจ" ม.ร.ว.พงษ์สวัสดิ์ สวัสดิวัตน์ รมว.อุตสาหกรรม กล่าว
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปเยือนสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี และสาธารณรัฐฝรั่งเศสในช่วงเวลาดังกล่าว ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็จะได้หารือกับนักธุรกิจชั้นนำของเยอรมนี และฝรั่งเศส ในโอกาสนี้กระทรวงอุตสาหกรรมพร้อมด้วยบีโอไอจะนำเสนอโอกาสและลู่ทางการลงทุนในไทยให้กับนักธุรกิจชั้นนำของทั้งสองประเทศรับทราบ รวมทั้งตอบข้อซักถาม และรายละเอียดเชิงลึกระหว่างการหารือด้วย
โดยในวันที่ 18 ก.ค.55 นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย รมว.อุตสาหกรรม และบีโอไอ จะพบปะหารือรายบริษัทกับบริษัทชั้นนำของเยอรมนีในสาขาต่างๆ และในวันเดียวกัน รมว.อุตสาหกรรม พร้อมด้วยเลขาธิการบีโอไอ จะประชุมหารือกับนักลงทุนเยอรมนีประมาณ 30 ราย เพื่อชี้แจงนโยบายและโอกาสในการลงทุนด้วย ส่วนในวันที่ 20 ก.ค.55 นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย รมว.อุตสาหกรรม และบีโอไอ จะพบปะหารือรายบริษัท กับนักธุรกิจชั้นนำของฝรั่งเศสในสาขาต่างๆ เช่นกัน
"การพบปะหารือกับบรรดาบริษัทชั้นนำในครั้งนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมและบีโอไอจะสร้างความมั่นใจแก่นักลงทุนเยอรมันและฝรั่งเศสว่า นโยบายส่งเสริมการลงทุนของไทยในอนาคต จะก้าวไปสู่การส่งเสริมอุตสาหกรรมฐานความรู้ อุตสาหกรรมเชิงสร้างสรรค์ และอุตสาหกรรมที่ก่อให้เกิดคาร์บอนต่ำ หรือลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมทั้งส่งเสริมอุตสาหกรรมที่มุ่งสร้างทักษะ เทคโนโลยี และนวัตกรรมแก่อุตสาหกรรมของไทย ซึ่งสอดคล้องกับการดำเนินธุรกิจของบริษัทชั้นนำของเยอรมันและฝรั่งเศส" ม.ร.ว.พงษ์สวัสดิ์ กล่าว
สำหรับในช่วง 10 ปีที่ผ่านมามีการขอรับส่งเสริมการลงทุนจากนักลงทุนเยอรมันจำนวน 250 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวมประมาณ 82,700 ล้านบาท ส่วนนักฝรั่งเศสมีขอรับส่งเสริมจำนวน 137 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวมประมาณ 10,000 ล้านบาท