สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือน ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (16 ก.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกที่ร่วงลงอยางเหนือความคาดหมาย ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม
ค่าเงินยูโรดีดตัวขึ้น 0.21% แตะที่ 1.2276 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันศุกร์ที่ 1.2250 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์พุ่งขึ้น 0.40% แตะที่ 1.5635 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5572 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 0.42% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 78.850 เยน จากระดับ 79.180 เยน และดิ่งลง 0.21% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9781 ฟรังค์ จากระดับ 0.9802 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียดีดตัวขึ้น 0.24% แตะที่ 1.0249 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0224 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 0.29% แตะที่ 0.7971 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7948 ดอลลาร์สหรัฐ
สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับเงินเยน หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดค้าปลีกเดือนมิ.ย.ปรับตัวลดลง 0.5% ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น และหากไม่นับรวมยอดขายรถยนต์ ยอดค้าปลีกเดือนมิ.ย.ของสหรัฐ ร่วงลง 1.8%
ยอดค้าปลีกทำสถิติร่วงลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 เนื่องจากความต้องการสินค้าปรับตัวลดลงทุกรายการ ตั้งแต่สินค้าอิเล็กทรอนิก ไปจนถึงรถยนต์ และวัสดุก่อสร้าง นอกจากนี้ ยังนับเป็นครั้งแรกตั้งแต่ช่วงปลายปี 2511 ที่ยอดค้าปลีกของสหรัฐปรับตัวลงติดต่อกัน 3 เดือน ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐเป็นไปอย่างยากลำบาก
การร่วงลงอย่างเหนือความคาดหมายของยอดค้าปลีกสหรัฐทำให้นักลงทุนคาดว่า ข้อมูลดังกล่าวอาจเป็นแรงผลักดันให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ซึ่งรวมถึงการใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบ 3 หรือ QE3
นักลงทุนจับตาดู เบน เบอร์นันเก้ ประธานเฟดซึ่งจะแถลงมุมมองเศรษฐกิจต่อคณะกรรมาะการบริการด้านการเงินแห่งสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ และคณะกรรมาธิการด้านการธนาคารแห่งวุฒิสภาสหรัฐ ในวันอังคารและวันพุธนี้
นอกจากนี้ นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในคืนนี้ตามเวลาไทย รวมถึงดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนมิ.ย., ดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรม-อัตราการใช้กำลังการผลิตเดือนมิ.ย. และดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนก.ค.