ร.อ.สุวิพันธุ์ ดิษยมณฑล รองอธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก เปิดเผยว่า ได้เตรียมจัดประชุมหารือระหว่างคณะผู้นำเข้า-ผู้ซื้อลำไยจากต่างประเทศกว่า 30 ราย กับคณะทำงานการปรับปรุงคุณภาพและบริหารจัดการผลไม้ให้ได้มาตรฐานการส่งออก เพื่อกำหนดแนวทางการผลักดันลำไยคุณภาพสู่ตลาดต่างประเทศ โดยปีนี้คาดว่าจะมีผลผลิตออกสู่ตลาดมากขึ้น และน่าจะส่งออกได้มากขึ้นจากปี 54 ที่ส่งออกได้ 1.2 ล้านตัน มูลค่ากว่า 96 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
"จากมาตรการผลักดันการส่งออกสินค้าผลไม้เชิงรุก คาดว่าจะสามารถรองรับผลผลิตที่กำลังจะออกมาสู่ตลาดได้ และช่วยสร้างเสถียรภาพราคาผลไม้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในครั้งนี้มีผู้ซื้อ-ผู้นำเข้าจากอินโดนีเซีย และจีน เข้าร่วมเจรจาการค้ากับผู้ส่งออก กลุ่มสหกรณ์ผู้ปลูกลำไย รวมถึงยังเป็นโอกาสหารือกับคณะทำงานฯ เพื่อกำหนดแนวทางการผลักดันตลาดลำไยคุณภาพสู่ตลาดต่างประเทศ อย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืนต่อไป" ร.อ.สุวิพันธุ์ กล่าว
นอกจากนี้ เพื่อสร้างความมั่นใจในคุณภาพและมาตรฐานการผลิต จะนำคณะผู้แทนการค้าเข้าเยี่ยมชมและรับชมโรงงานซัลเฟอร์ไดออกไซด์กับผลลำไยสดต้นแบบ ด้วยระบบบังคับอากาศแนวตั้งมาตรฐานการส่งออก เข้าเยี่ยมชมสวนลำไยมาตรฐาน GAP ของเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการการปรับปรุงคุณภาพและบริหารจัดการผลไม้ให้ได้มาตรฐานการส่งออกอีกด้วย
รองอธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก กล่าวว่า กรมฯได้ดำเนินการส่งเสริมและผลักดันการส่งออกผลไม้ในปีนี้ รวมทั้งการขยายตลาดใหม่ๆ เช่น การจัดคณะผู้แทนการค้าสินค้าผลไม้ไทยเยือนประเทศต่างๆ เช่น จีน ออสเตรเลีย การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายผลไม้สดและแปรรูปร่วมกับห้างสรรพสินค้า/ซุปเปอร์มาร์เก็ตในต่างประเทศ เช่น จีน ฮ่องกง สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น ไต้หวัน อังกฤษ ออสเตรีย เป็นต้น ซึ่งการเดินทางไปเยือนเยอรมนีและฝรั่งเศสของนายกรัฐมนตรี ระหว่างวันที่ 17-22 ก.ค.นี้ จะมีการเปิดบูธให้ชิมลำไยจากไทย และสั่งซื้อสินค้าได้ด้วย
ขณะเดียวกัน ยังมีมาตรการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์และส่งเสริมการส่งออกผลไม้โดยเส้นทางโลจิติกส์ใหม่ๆ เพื่อเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการไทยเพิ่มขึ้น