นายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวเมื่อคืนนี้ว่า เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายระดับสูงของเฟดเชื่อว่ามีความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้นต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐ
“เจ้าหน้าที่ที่เข้าร่วมประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) ในเดือนมิ.ย.ระบุว่ามีความไม่แน่นอนเพิ่มมากกว่าปกติเกี่ยวกับการคาดการณ์ต่างๆของพวกเขา และความเสี่ยงต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจเพิ่มสูงขึ้น" นายเบอร์นันเก้กล่าวในการแถลงนโยบายการเงินรอบครึ่งปีต่อคณะกรรมาธิการด้านการธนาคารของวุฒิสภา
ประธานเฟดกล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐยังคงฟื้นตัวขึ้น แต่กิจกรรมทางเศรษฐกิจดูเหมือนชะลอลงในช่วงครึ่งแรกของปีนี้
นายเบอร์นันเก้ระบุในการแถลงว่า หลังจากผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) มีอัตราการขยายตัวรายปีที่ราว 2.5% ในช่วงครึ่งหลังของปี 2554 นั้น จีดีพีสหรัฐได้ขยายตัวเกือบ 2% ในไตรมาสแรกปีนี้ และปัจจัยชี้วัดต่างๆระบุว่าการขยายตัวในช่วงไตรมาส 2 ปีนี้จะยังคงชะลอลง
เขาเน้นย้ำถึงความรุนแรงระลอกใหม่ของวิกฤตยูโรโซนและความไม่แน่นอนทางการคลังของสหรัฐว่าเป็น 2 ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐ
นอกจากนี้ ประธานเฟดเสริมว่าแม้ทางการยูโรโซนได้ประกาศหลายมาตรการเพื่อจัดการกับวิกฤตหนี้ภูมิภาค ซึ่งรวมถึงการจัดสรรความช่วยเหลือเพื่อเพิ่มทุนการแก่ภาคธนาคารของสเปนที่ประสบปัญหา แต่เศรษฐกิจและตลาดการเงินของยุโรปยังคงเผชิญ “ภาวะตึงเครียดรุนแรง" โดยได้ส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจและการเงินไปทั่วโลก ซึ่งรวมถึงสหรัฐด้วย
ทั้งนี้ นายเบอร์นันเก้กล่าวว่า ความเป็นไปได้ที่สถานการณ์ในยุโรปอาจเลวร้ายลงต่อไปนั้นยังคงเป็นความเสี่ยงสำคัญต่อแนวโน้มของสหรัฐ โดยเขาเรียกร้องให้สภาคองเกรสจัดการกับความท้าทายทางการคลังของประเทศในแนวทางที่มีการพิจารณาถึงความจำเป็นสำหรับความยั่งยืนในระยะยาวและความเปราะบางของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตาม ในการแถลงเมื่อคืนนี้ นายเบอร์นันเก้ไม่ได้ส่งสัญญาณอย่างชัดเจนเกี่ยวกับการดำเนินมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบใหม่ หรือ QE3 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ของประเทศ ตามที่นักลงทุนและนักวิเคราะห์ทั่วโลกคาดหวังกันไว้ก่อนหน้านี้ โดยระบุเพียงว่าเฟดพร้อมที่จะผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติม หากมีความจำเป็น