(เพิ่มเติม) นายกฯ มอบนโยบายทีมประเทศไทยขณะเยือนเยอรมนีพร้อมตั้งคลังข้อมูลเอื้อนักลงทุน

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday July 18, 2012 16:18 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสท์ข้อความทางเฟซบุ๊ก ถึงการมอบนโยบายให้กับทีมประเทศไทยว่า การเดินทางเยือนประเทศเยอรมนีในวันนี้เพื่อให้ฝ่ายเยอรมันตระหนักถึงความสำคัญของไทยพร้อมสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนเยอรมันเพื่อเพิ่มโอกาสทางด้านการค้าการลงทุนของทั้ง 2 ประเทศให้ดียิ่งขึ้น และรัฐบาลพร้อมตั้งคลังข้อมูลจากกระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สภาพัฒน์)เพื่อใช้เป็นฐานานุรูปการตัดสินใจของนักลงทุน

น.ส.ศันสนีย์ นาคพงศ์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบายแก่ทีมประเทศไทย ซึ่งประกอบด้วย ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ในสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเบอร์ลิน สถานกงสุลใหญ่ ณ นครแฟรงก์เฟิร์ต สำนักงานผู้ช่วยทูตฝ่ายทหาร สำนักงานแรงงาน สำนักงานส่งเสริมการค้า สำนักงานการท่องเที่ยว

นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการเดินทางเยือนเยอรมนี ซึ่งนับเป็นการเยือนในรอบ 17 ปี และแสดงถึงความสำคัญของความสัมพันธ์ที่มีต่อกันมาอย่างยาวนาน โดยที่เยอรมนีถือเป็นประเทศคู่ค้าที่สำคัญเป็นตลาดใหญ่ รวมทั้งเพื่อให้ตระหนักถึงความสำคัญของไทย และไทยพร้อมที่จะทำงานร่วมกับเยอรมนีเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ และเพิ่มมูลค่าการค้าให้เติบโตยิ่งขึ้น โดยถือว่าวิกฤติของเศรษฐกิจยุโรปจะเป็นโอกาสของไทย และจะต้องสนับสนุนให้มีการเดินหน้าการค้าและการลงทุน ด้วยศักยภาพของไทยและอาเซียนที่เป็นตลาดที่กำลังเติบโต รวมถึงศักยภาพทางเศรษฐกิจ พัฒนาการและเสถียรภาพทางการเมือง โดยขอให้หน่วยงานต่างๆช่วยกันทำงาน เพื่อสร้างโอกาสและส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศไทยต่อไป

ในโอกาสนี้ ทีมประเทศไทยได้บรรยายสรุปเกี่ยวกับสถานการณ์และนโยบายการแก้ปัญหาวิกฤตหนี้ยุโรปของเยอรมนี รวมทั้งจุดยืนและสถานะของไทยในสายตาของเยอรมนีและโอกาสที่มีอยู่ โดยจะใช้วิกฤตินี้ให้เป็นโอกาสของไทยในยุโรป ซึ่งขณะนี้เยอรมนีให้ความสำคัญกับภูมิภาคอาเซียน และเล็งเห็นว่าไทยมีศักยภาพที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เข้มแข็ง แม้ผ่านวิกฤติทางการเมืองและภัยธรรมชาติที่ผ่านมา ไทยสามารถฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว รวมทั้งมีความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมียนมาร์ ซึ่งเป็นประเทศที่เยอรมนีสนใจเข้ามามีส่วนร่วมทางการค้า การลงทุน และพลังงาน

ทั้งนี้ ไทยมีจุดเด่นทางด้านภูมิศาสตร์ ถือเป็นศูนย์กลางของอาเซียนที่จะเชื่อมโยงไปประเทศต่างๆในภูมิภาค อีกทั้งมีการพัฒนาการเชื่อมโยง โดยเฉพาะโครงการท่าเรือน้ำลึกทวายที่จะเป็นการเชื่อมโยงที่สำคัญของภูมิภาค ซึ่งไทยมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาและผลักดันโครงการดังกล่าว และเยอรมนีมีความสนใจในโครงการนี้

นอกจากนี้ ยังได้มีการชี้แจงถึงปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ทางการค้าและการลงทุนของไทยในเยอรมนี เช่น การตรวจสอบมาตรฐานการนำเข้าสินค้าของไทย โดยนายกรัฐมนตรีสั่งการให้มีคณะทำงานร่วมระหว่างกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตร เร่งแก้ปัญหาโดยให้ผู้เชี่ยวชาญของเยอรมนีไปให้ความรู้และปรับมาตรฐานต่างๆให้ตรงกันและเป็นที่ยอมรับ รวมทั้งการเข้มงวดในการออกใบรับรองคุณภาพสินค้าให้มากขึ้น เพื่อป้องกันการตีกลับสินค้าด้วย

จากนั้น นายกรัฐมนตรีเข้าร่วมหารือกับคณะนักธุรกิจจากบริษัทชั้นนำในสาขาเกษตรและอาหาร ชิ้นส่วนยานยนต์ พลังงานเศรษฐกิจสีเขียว การแพทย์ทางเลือก และการออกแบบผลิตภัณฑ์ต่างๆ อาทิ เสื้อผ้า สิ่งทอ อัญมณี เครื่องประดับ และเครื่องแต่งกาย รวมทั้งผู้แทนสภาอุตสาหกรรม สภาหอการค้า สมาคมธนาคารไทย ตลอดจนสมาคมอื่น ๆ ที่เดินทางร่วมไปกับคณะทางการ

นายกรัฐมนตรีได้รับฟังทีมประเทศไทยและได้ทราบถึงปัญหาและโอกาสในการลงทุนของภาคเอกชนในเยอรมนี จึงได้นำมาพูดคุยกับภาคเอกชนเพื่อให้เป็นประโยชน์ พร้อมรับฟังความคิดเห็น ข้อเสนอ และของภาคเอกชนไทยในด้านการลงทุนและการประกอบธุรกิจกับเยอรมนี โดยเฉพาะสาขาที่มีโอกาสทางการค้า เช่น อาหารเพื่อสุขภาพ สินค้าตกแต่งบ้าน ของขวัญ รวมถึงการขอความร่วมมือในด้านการพัฒนาและรับรองมาตรฐานสินค้าที่จะสามารถทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางด้านการรับรองมาตรฐานยางรถยนต์ในภูมิภาค


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ