นายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวเตือนว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจเผชิญภาวะถดถอยแบบตื้นๆ หากมาตรการปรับลดภาษีสิ้นสุดลงและมีการปรับลดงบประมาณรายจ่ายในต้นปีหน้า หรือที่เรียกว่าภาวะ fiscal cliff
นายเบอร์นันเก้กล่าวในการแถลงนโยบายการเงินรอบครึ่งปีต่อคณะกรรมาธิการการเงินของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเมื่อคืนนี้ว่า ภาวการณ์ดังกล่าวจะส่งผลให้การสร้างงานลดลงราว 1.25 ล้านตำแหน่งในปี 2556
ในการแถลงเมื่อคืนนี้ นายเบอร์นันเก้ยังคงเน้นย้ำเช่นเดียวกับการแถลงนโยบายในวันแรกว่า เฟยังคงมีพันธสัญญาในการผ่อนคลายนโยบายต่อไปในอนาคต หากสถานการณ์บ่งชี้ถึงความจำเป็น แม้ว่าไม่ได้ระบุชัดเจนถึงการใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบใหม่ หรือ QE3
“ตลาดมีความผันผวนเพิ่มขึ้นและความเชื่อมั่นลดลงในฤดูร้อนที่ผ่านมา ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการอภิปรายที่ยืดเยื้อประเด็นการปรับเพิ่มเพดานหนี้ ผลกระทบที่คล้ายคลึงกันอาจจะเกิดขึ้นเมื่อประเด็นเพดานหนี้และปัญหาทางการคลังอื่นๆปรากฏชัดมากขึ้นในช่วงใกล้สิ้นปีนี้" นายเบอร์นันเก้ระบุ
รัฐบาลมีแนวโน้มจะปรับขึ้นภาษีและลดค่าใช้จ่ายของรัฐบาลลงหลายระลอกในช่วงเดือนม.ค.ปีหน้า หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงกฎหมายปัจจุบัน ขณะที่เพดานหนี้สาธารณะของสหรัฐจะต้องมีการปรับเพิ่มอีกครั้งในปลายปี 2555 หรือต้นปี 2556
ผู้เชี่ยวชาญบางราย ซึ่งรวมถึงนายเบอร์นันเก้ มีความกังวลว่าภาวะ fiscal cliff อาจจะบั่นทอนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่เปราะบาง
นายเบอร์นันเก้เน้นย้ำว่าความรุนแรงระลอกใหม่ของวิกฤตหนี้ยูโรโซนและความไม่แน่นอนทางการคลังของสหรัฐเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญ 2 ประการต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐ
ประธานเฟดกล่าวว่านับเป็นสิ่งสำคัญในการใช้ “วิธีการที่ค่อยเป็นค่อยไป" ในการเสริมความแข็งแกร่งแก่งบประมาณของรัฐบาลกลางสหรัฐ เพื่อเลี่ยงผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจในระยะใกล้
นายเบอร์นันเก้กล่าวเสริมว่า แนวทางที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดที่สภาคองเกรสจะสามารถช่วยหนุนเศรษฐกิจสหรัฐในขณะนี้จะอยู่ที่การจัดการกับความท้าทายทางการคลังของประเทศในวิถีทางที่มีการพิจารณาถึงความจำเป็นของความยั่งยืนทางการคลังในระยะยาวและความเปราะบางของการฟื้นตัว
“การดำเนินการดังกล่าวจะช่วยลดความไม่แน่นอนและหนุนความเชื่อมั่นในภาคธุรกิจและภาคครัวเรือนไม่ช้าก็เร็ว"