กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เรียกร้องให้ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) เดินหน้าทำงานเพื่อจัดการกับวิกฤตหนี้ยูโรโซนต่อไป
คณะกรรมการบริหารไอเอ็มเอฟระบุในรายงานที่เผยแพร่เมื่อวันพุธว่า "อีซีบีต้องเดินหน้าใช้มาตรการต่างๆเพื่อจัดการกับวิกฤตต่อไป ซึ่งรวมถึงการแก้ปัญหาสภาพคล่องและการเข้าซื้อหลักทรัพย์ต่างๆ"
"วิกฤตยูโรโซนเข้าสู่ระดับใหม่ที่อันตรายแล้ว" ไอเอ็มเอฟระบุ
ไอเอ็มเอฟระบุว่า ความเชื่อมโยงในทางลบระหว่างประเทศต่างๆ ธนาคาร และเศรษฐกิจที่แท้จริง มีความรุนแรงกว่าที่เคย โดยกิจกรรมทางเศรษฐกิจในยูโรโซนอ่อนแรงลงและมีแนวโน้มว่าจะซบเซาต่อไป ขณะเดียวกันก็ยังมีความเสี่ยงขาลงอย่างรุนแรงต่อแนวโน้มเศรษฐกิจในภูมิภาคและเศรษฐกิจโลก
รายงานระบุว่า การที่อีซีบีลดดอกเบี้ยและเข้าแทรกแซงตลาดเพื่อเพิ่มสภาพคล่อง รวมถึงการใช้มาตรการอื่นๆ ช่วยป้องกันไม่ให้วิกฤตทวีความรุนแรงเร็วขึ้นยิ่งกว่านี้
ไอเอ็มเอฟกล่าวว่า เศรษฐกิจที่อ่อนแอและความเสี่ยงขาลงต่อเงินเฟ้อในยูโรโซน อาจทำให้มีการลดดอกเบี้ยนโยบายลงอีก ซึ่งการกระทำดังกล่าวจะทำให้อีซีบีสามารถให้ความช่วยเหลือระยะสั้นแก่ธนาคารต่างๆที่อ่อนแอได้โดยตรง ด้วยการลดต้นทุนการกู้ยืมภายใต้มาตรการจัดสรรสภาพคล่องระยะยาวที่กำลังดำเนินอยู่
ไอเอ็มเอฟกล่าวเสริมว่า อีซีบียังมีช่องพอที่จะลดดอกเบี้ยและใช้มาตรการพิเศษต่างๆได้อีก ซึ่งจะช่วยบรรเทาความตึงเครียดในตลาดบางส่วนได้
ไอเอ็มเอฟแนะนำว่า อีซีบีควรผ่อนปรนทางการเงินเพิ่มเติมด้วยการใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณที่โปร่งใส ซึ่งรวมถึงการเข้าซื้อตราสารหนี้จำนวนมาก พร้อมกันนั้นยังเสนอให้อีซีบีซื้อตราสารหนี้ให้มากขึ้นผ่านโครงการซื้อหลักทรัพย์ (SMP) ด้วย สำนักข่าวซินหัวรายงาน