รายงานของบรรษัทจำนองสินเชื่อบ้านของรัฐบาลกลางสหรัฐ (เฟรดดี แมค) ระบุว่า ตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐมีความพร้อมที่จะฟื้นตัว ในขณะที่ภาคอุตสาหกรรมก่อสร้างยังคงเผชิญกับปัญหาด้านแรงงานอย่างต่อเนื่อง
รายงานดังกล่าวระบุว่า อัตราดอกเบี้ยจำนองที่อยู่ในระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งได้รับแรงหนุนมาจากมาตรการ "Operation Twist" ของธนาคารกลางสหรัฐ ได้กระตุ้นอุปสงค์ด้านที่อยู่อาศัยและนำไปสู่การปรับตัวขึ้นของการเริ่มสร้างบ้าน ยอดขายบ้าน และแม้กระทั่งราคาบ้านในหลายตลาด
ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านในช่วง 5 เดือนแรกปีนี้ โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 719,000 ยูนิต เพิ่มขึ้น 26% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่ยอดขายบ้านใหม่เพิ่มขึ้น 17% และยอดขายบ้านมือสอง เพิ่มขึ้น 7% ในระหว่างเดือนมกราคม-พฤษภาคมปีนี้ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน
แฟรงค์ นอธาฟท์ รองประธานและหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของเฟรดดี แมค กล่าวว่า "ถึงแม้ว่าตลาดที่อยู่อาศัยอาจจะไม่ได้มีบทบาทเช่นเดิมในการพ้นจากภาวะวิกฤตรุนแรงได้ภายในวันเดียว แต่ก็มีส่วนสำคัญและปัจจุบันเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการทำให้ตลาดที่อยู่อาศัยกลับมามีบทบาทในเศรษฐกิจผ่านทางการจ้างงานในภาคก่อสร้าง การปรับเปลี่ยนรูปแบบ หรือ การซื้อขายบ้าน"
แต่อย่างไรก็ดี รายงานล่าสุดในตลาดแรงงานบ่งชี้ว่า การสร้างงานยังคงมีอัตราชะลอตัวกว่าที่คาดในไตรมาส 2 โดยมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 80,000 ตำแหน่งในเดือนมิถุนายน ส่งผลให้ตำแหน่งงานในไตรมาส 2 มีจำนวนทั้งสิ้น 225,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นตัวเลขการขยายตัวรายไตรมาสที่ต่ำที่สุดในรอบเกือบ 2 ปี และลดลงอย่างมากจาก 677,000 ตำแหน่งในไตรมาสแรก สำนักข่าวซินหัวรายงาน