ผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) ออกมาเรียกร้องให้ประเทศสมาชิกของอียูเริ่มการหารือเกี่ยวกับข้อตกลงทางการค้าเสรี (เอฟทีเอ) กับญี่ปุ่น
นายคาเรล เดอ กูชท์ ประธานคณะกรรมาธิการการค้าของ EU กล่าวว่า “คณะกรรมาธิการยุโรปลงมติว่าจะขอให้กลุ่มประเทศสมาชิกเปิดทางให้มีการเจรจาการค้าเสรีกับญี่ปุ่น"
ภาคอุตสาหกรรมของทั้งสองฝ่ายได้ขานรับแนวคิดริเริ่มที่จะเริ่มการเจรจากข้อตกลงการค้าเสรี แม้ว่าอาจสร้างแรงกดดันต่อตลาดรถยนต์ยุโรป
ในช่วงเวลาหลายทศวรรษที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างยุโรปและญี่ปุ่นมีลักษณะที่ญี่ปุ่นได้เปรียบดุลการค้าอย่างมาก ซึ่งเป็นผลให้มีความวิตกกังวลเกี่ยวกับการแข่งขัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคอุตสาหกรรมรถยนต์ของยุโรป
ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดสมดุลทางการค้าระหว่างยุโรปและญี่ปุ่นอีกครั้ง คณะกรรมาธิการยุโรปได้สร้างความชัดเจนว่าพันธสัญญาของญี่ปุ่นในการจัดการกำแพงการค้าที่ไม่ใช่ภาษีและเปิดเสรีตลาดการจัดซื้อของภาครัฐต่อไปนั้นเป็นเงื่อนไขสำคัญสำหรับอียูในการพิจารณากระบวนการหารือเอฟทีเอในขั้นสุดท้าย
นายเดอ กูชท์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “เราเห็นพ้องกับญี่ปุ่นว่าหากการดำเนินการไม่เป็นที่น่าพอใจ เราก็จะยุติการเจรจา และผมได้ระบุชัดเจนว่าอียูจะไม่ปรับลดอัตราภาษีใดๆก่อนที่ญี่ปุ่นจะมีความคืบหน้าที่เป็นธรรมในการกำกับดูแลกำแพงการค้าต่างๆ และนี่จะรวมถึงภาคอุตสาหกรรมรถยนต์ด้วย"
นอกจากนี้ นายเดอ กูชท์ระบุเพิ่มเติมอีกว่า ข้อตกลงเสรีทางการค้าจะส่งผลให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของอียูปรับเพิ่มขึ้นเกือบ 1% และช่วยกระตุ้นการส่งออกของอียูไปยังญี่ปุ่นได้เพิ่มขึ้นถึง 1 ใน 3 รวมทั้งสร้างงานเพิ่ม 400,000 ตำแหน่งในกลุ่มอียูที่มีสมาชิก 27 ประเทศ สำนักข่าวซินหัวรายงาน