นักเศรษฐศาสตร์จากองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) กล่าวว่า ภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยสร้างแรงกดดันอย่างหนักต่อบรรดาประเทศเกิดใหม่ อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจจีนยังคงมีศักยภาพพอที่จะบรรลุเป้าหมายการเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ พร้อมกับการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจภายในประเทศ
นายหง ผิงฟาน หัวหน้าฝ่ายกำกับดูแลเศรษฐกิจโลกของแผนกกิจการเศรษฐกิจและสังคม (DESA) ของยูเอ็น ให้สัมภาษณ์กับซินหัวว่า สถานการณ์เศรษฐกิจโลกในปัจจุบันไม่เอื้ออำนวยต่อประเทศเศรษฐกิจใหม่ที่พึ่งพาการส่งออกอย่างจีน
"คู่ค้ารายใหญ่อย่างสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และสหภาพยุโรป ต่างได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ความต้องการสินค้าจากจีนจึงลดลงฮวบฮาบในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา และยิ่งสร้างแรงกดดันขาลงต่อเศรษฐกิจจีน" เขากล่าว
ข้อมูลสถิติล่าสุดบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจจีนขยายตัว 7.6% เมื่อเทียบเป็นรายปีในไตรมาสที่ 2 ซึ่งเป็นตัวเลขการขยายตัวที่ต่ำกว่า 8% เป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี ก่อให้เกิดความกังวลว่าเศรษฐกิจจีนอาจทรุดตัวลงอย่างรุนแรง
"ภายใต้สภาพการณ์ดังกล่าว หากรัฐบาลจีนไม่ใช้นโยบายที่เหมาะสมและไม่ดำเนินมาตรการที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันการขยายตัวของความเสี่ยงจากภายนอกประเทศ ก็มีความเป็นไปได้ในทางทฤษฎีที่เศรษฐกิจจีนอาจดิ่งลงอย่างหนัก" นายหงกล่าว
อย่างไรก็ตาม จีนมีโครงสร้างเศรษฐกิจที่แตกต่างจากประเทศอื่นในเอเชียที่ต้องพึ่งพาการส่งออกเช่นกัน ซึ่งทำให้จีนมีศักยภาพพอที่จะบรรเทาแรงกดดันจากภายนอกผ่านการปรับโครงสร้างภายในประเทศได้
นายหงกล่าวว่า จีนจำเป็นต้องเดินหน้าปฏิรูปเศรษฐกิจประเทศต่อไป ขณะเดียวกันก็ต้องคำนึงถึงเป้าหมายสำคัญทั้งสองประการ นั่นคือ "การขยายตัวอย่างมีเสถียรภาพ" และ "การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ" สำนักข่าวซินหัวรายงาน