น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ร่วมหารือข้อราชการกับนายเต็ง เส่ง ประธานาธิบดีพม่าช่วงเช้าวันนี้ในโอกาสที่เดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ โดยทั้งสองฝ่ายยืนยันความร่วมมือในการพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะการดำเนินนโยบายที่สนับสนุนการพัฒนาโครงการท่าเรือน้ำลึกทวาย เพื่อประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ พร้อมกันนั้นทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะจัดเวทีหารือความร่วมมือทางด้านพลังงานในเร็วๆ นี้ และฝ่ายไทยได้ขอให้ทางการพม่าเปิดจุดผ่านแดนถาวรเพิ่มเติมอีก 3 แห่ง
ทั้งนี้ไทยและพม่าจะมุ่งมั่นในการผลักดันโครงการท่าเรือน้ำลึกทวายให้เป็นรูปธรรม โดยทั้ง 2 ฝ่ายเห็นพ้องกันว่าจะมีการเชื่อมโยงท่าเรือน้ำลึกทวายเข้ากับท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบัง ซึ่งพม่าจะได้รับประโยชน์จากการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมทวาย ขณะที่ไทยจะได้รับประโยชน์จากการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจภาคตะวันออก(อีสเทิร์นซีบอร์ด)
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในการนี้ไทยและพม่าได้ลงในบันทึกความร่วมมือ 3 ฉบับ คือ 1.บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการพัฒนาครอบคลุมเศรษฐกิจทวายและโครงการที่เกี่ยวข้อง 2.บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการพัฒนาในเมียนมาร์ใน 4 สาขาหลัก ประกอบด้วย การเสริมสร้างขีดความสามารถพัฒนาบุคลากรพม่า, ความร่วมมือในการสนับสนุนการเป็นประธานอาเซียนของพม่าในปี 57, การปฏิรูปและการพัฒนาทางเลือก, การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของพม่า 3.ถ้อยแถลงร่วมว่าด้วยการจัดตั้งเวทีหารือด้านพลังงาน นอกจากนี้จะมีการจัดตั้งคณะทำงานระดับรัฐมนตรีที่จะประชุมร่วมกันในเดือน ส.ค.นี้ เพื่อพิจารณาขยายพื้นที่เศรษฐกิจ รวมทั้งประเด็นต่างๆ ที่ยังคั่งค้าง
นอกจากนี้ทั้ง 2 ประเทศยังตกลงร่วมกันที่จะส่งเสริมเศรษฐกิจตามแนวชายแดนให้มากขึ้น โดยฝ่ายไทยเสนอให้พม่าเปิดจุดผ่านแดนไทย-พม่าเพิ่มเติมอีก 3 จุด ประกอบด้วย ด่านกิ่งผาวอก จ.เชียงใหม่ ด่านบ้านห้วยต้นนุ่น จ.แม่ฮ่องสอน และด่านบ้านพุน้ำร้อน จ.กาญจนบุรี รวมถึงอยู่ระหว่างการพิจารณาจุดผ่อนปรนที่ด่านตะโกบน จ.ราชบุรี อีกด้วย
นายกรัฐมนตรี เชื่อมั่นว่า ทุกความตกลงดังกล่าวจะทำให้การพัฒนาและร่วมมือระหว่างไทยกับพม่าเป็นไปอย่างแน่นแฟ้นและเพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประชาชนทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งไทยยืนยันว่าพร้อมจะให้ความร่วมมือในการผลิตข้าว รวมถึงความร่วมมือด้านแรงงานที่ไทยจะดูแลแรงงานพม่าที่เข้ามาทำงานในไทยอย่างเป็นธรรม