นายชัชชาติ รมช.คมนาคม เปิดเผยว่า กระทรวงคมนาคมคาดว่าจะสามารถเสนอโครงการก่อสร้างทางหลวงสายพิเศษ(มอเตอร์เวย์)เพิ่มเติม 2 เส้นทางให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)พิจารณาภายในช่วงต้นเดือน ส.ค.นี้ โดยหนึ่งในเส้นทางดังกล่าวจะเป็นสายบางใหญ่-บ้านโป่ง ระยะทาง 98 กิโลเมตร ใช้งบก่อสร้างราว 2.5 หมื่นล้านบาท ส่วนอีกเส้นทางเป็นlkpบางปะอิน-นครราชสีมา ระยะทาง 199 กิโลเมตร คาดว่าจะใช้เงินค่าก่อสร้างประมาณ 59,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ สำหรับเส้นทางสายบางใหญ่-บ้านโป่ง เป็นแนวถนนที่สามารถเชื่อมโยงไฟถึงโครงการท่าเรือน้ำลึกทวายในพม่าได้ โดยจะต้องก่อสร้างถนนเพิ่มเติมเข้าไปที่ อ.พุน้ำร้อน จ.กาญจนบุรี ซึ่งเป็นจุดชายแดนไทย-พม่า แต่คงต้องรอให้โครงการทวายมีความคืบหน้าเป็นรูปธรรมชัดเจนก่อน สำหรับแผนการลงทุนนั้น เชื่อว่ากรมทางหลวงคงจะเสนอแนวทางเข้ามาให้ครม.พิจารณาทั้ง 2 แนวทาง คือรัฐบาลลงทุนเองทั้งหมด หรือให้เอกชนเข้ามาลงทุนก่อสร้างและรัฐบาลจ่ายค่าเวนคืน
นายชัชชาติ กล่าวว่า การพัฒนาโครงการทวายจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของไทยและพม่า ซึ่งรัฐบาลไทยยินดีที่จะให้ความร่วมมือด้านนโยบายในการสนับสนุนโครงการดังกล่าว เพราะเชื่อว่าจะเกื้อหนุนกับนิคมอุตสาหกรรมและท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบังของไทยได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะการเป็นจุดเชื่อมโยงการขนส่งไปออกด้านฝั่งอันดามัน เพื่อการส่งออกสินค้าที่ผลิตในประเทศไทยไปยังตะวันออกกลางและยุโรปเกิดความสะดวกและประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากขึ้นกว่าการส่งออกจากท่าเรือแหลมฉบังโดยตรง
จากการเดินทางไปเยือนประเทศญี่ปุ่นกับคณะของนายกรัฐมนตรีในช่วงที่ผ่านมา พบวานักลงทุนญี่ปุ่นให้ความสนใจโครงการทวายค่อนข้างมาก ซึ่งตนเองมองว่านักลงทุนญี่ปุ่นยังต้องการลงทุนในพื้นที่ของประเทศไทย แต่ก็ต้องการใช้เส้นทางแหลมฉบัง-ทวายในการลำเลียงสินค้าส่งออก และยังพบว่าเส้นทางที่ภาคเอกชนเรียกร้องอย่างมากให้เร่งสร้างขึ้นในภูมิภาคอินโดจีน คือ ฮานอย-แหลมฉบัง ดังนั้น เส้นทางแหลมฉบัง-ทวายก็จะเป็นจุดเชื่อมโยงที่ดีมาก