ออสซี่ยุติไต่สวน AD เหล็กโครงสร้างรูปพรรณกลวงจากไทย หลังไม่พบทุ่มตลาด

ข่าวเศรษฐกิจ Monday July 23, 2012 16:50 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสุรศักดิ์ เรียงเครือ รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ศุลกากรออสเตรเลียได้ประกาศยกเลิกการไต่สวนเพื่อใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด(เอดี) กับสินค้าเหล็กโครงสร้างรูปพรรณกลวงที่นำเข้าจากไทย โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย.55 หลังจากออสเตรเลียเปิดไต่สวน 5 ประเทศคือ จีน, เกาหลีใต้, มาเลเซีย, ไต้หวัน และไทย เนื่องจากผู้ผลิตเหล็กของออสเตรเลียร้องเรียนว่าได้รับความเสียหายจากการนำเข้าที่เพิ่มขึ้น และราคาขายเหล็กของทั้ง 5 ประเทศในออสเตรเลียต่ำกว่าที่ขายภายใน 5 ประเทศมาก

ทั้งนี้ กรมฯ ได้ร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง และผู้ผลิต ผู้ส่งออกของไทยจัดทำข้อมูลตามแบบสอบถาม จนในที่สุดออสเตรเลียได้ประกาศยุติการไต่สวนเอดีสินค้าเหล็กดังกล่าวที่นำเข้าจากไทยเพียงประเทศเดียว เพราะไม่พบว่าการนำเข้าของไทยก่อให้เกิดความเสียหายกับอุตสาหกรรมภายของออสเตรเลีย ส่วนอีก 4 ประเทศออสเตรเลียประกาศเรียกเก็บภาษีเอดี ทำให้สินค้าของไทยมีศักยภาพการแข่งขันที่มีกว่าในตลาดออสเตรเลีย

"การยุติการไต่สวนเอดีกับสินค้าดังกล่าว ถือเป็นการลดอุปสรรคทางการค้าและทำให้สินค้าไทยสามารถขยายตลาดสินค้าในออสเตรเลีย รวมทั้งผลักดันการใช้สิทธิประโยชน์จากการเปิดเสรีทางการค้าระหว่างไทยและออสเตรเลียให้บรรลุวัตถุประสงค์ได้อย่างสูงสุด" นายสุรศักดิ์ กล่าว

พร้อมระบุว่า แม้ออสเตรเลียได้ยุติการไต่สวนเอดีไปแล้ว แต่ผู้ส่งออกไม่ควรกำหนดราคาขายส่งออกต่ำเกินไปจนสร้างความเสียหายแก่ผู้นำเข้า และหากมีการส่งออกเหล็กดังกล่าวในปริมาณที่เพิ่มขึ้นก็ขอให้เพิ่มความระมัดระวัง เพราะอุตสาหกรรมผู้ผลิตเหล็กของออสเตรเลียสามารถยื่นอุทธรณ์ต่อผลการวินิจฉัยดังกล่าวได้

ออสเตรเลียถือเป็นตลาดอันดับ 2 ในการส่งออกสินค้าดังกล่าวของไทยตั้งแต่ปี 50 มีแนวโน้มการส่งออกที่เพิ่มขึ้นเป็นลำดับ โดยเฉพาะในปี 53 สินค้าของไทยไม่ต้องเสียภาษีนำเข้าภายใต้กรอบเขตการค้าเสรี(FTA) ไทย-ออสเตรเลีย จากเดิมเสียภาษี 5% ทำให้การส่งออกเพิ่มขึ้นจากเดิม 20,924 ตัน ในปี 52 เป็น 51,504 ตัน หรือเพิ่มขึ้น 146% สำหรับปี 54 ปริมาณลดลงเหลือเพียง 20,834 ตัน แต่ยังครองความเป็นตลาดส่งออกอันดับ 2 โดยมีปริมาณการส่งออกคิดเป็นสัดส่วน 21% ของปริมาณการส่งออกสินค้าดังกล่าวทั้งหมด


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ